ThaiBadminton
หน้าแรก สนามแบด เวบบอร์ด รีวิวไม้แบด รวมลิงก์ ช่วยเหลือ ติดต่อ เข้าระบบ สมัครสมาชิก

โปรดอ่าน
การปิดกระทู้
กฎการใช้ ลายเซ็นต์ ในเว็บ
กฎการใช้งานเว็บบอร์ด กรุณาอ่านให้เข้าใจก่อนโพสต์




/  หน้าแรกเวบบอร์ด
   /  ถามปัญหาแบดมินตัน
/  3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?
3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?                 


 
takdanai1

น้องเล็ก
เขียนเมื่อ:  2/5/2013 21:47:50
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 30
เลขที่สมาชิก: 61510
สมัครเมื่อ: 29/4/2013


ยกคำพูด:
เขียนโดย [ โ ต้ ง ]:

ฉบับเต็มกันไปเลย


วิธีเลือกไม้แบด.....
ก่อนตัดสินเลือกซื้อไม้สำหรับเล่นคู่ควรศึกษาอะไรบ้าง ?
1.ศึกษาจากChart เปรียบเทียบไม้แบดแต่ละรุ่น ของแต่ละค่ายว่า รุ่นใดเป็นไม้รุก-ไม้รับ เล่นคู่-เล่นเดียว เช่นของ kason ก็มี และvictor ก็มี ดูศึกษาจากภาพที่แนบมา
2.รูปเฟรมไม้(Frame Shape)ควรมีลักษณะเป็นมิติแบบ Isometric แบบสมมาตร หัวไม้รูปสี่เหลี่ยม บริเวณจุดกระทบลูก(Sweetspot)กว้างกว่าเฟรมไม้รูปไข่ สร้างสมดุลให้กับเอ็นทั้งแนวตั้ง-แนวนอน เพื่อเพิ่มความแม่นยำแน่นอนในการผลักลูกเมื่อกระทบกับหน้าไม้
3.ระดับความแข็งของก้านไม้(Stiffness of Shaft) ที่ก้านไม้มักจะมีข้อความระบุไว้ โดยทั่วไปมี 3 ระดับ
3.1 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Soft หรือ Super flex เหมาะที่จะเป็นไม้รับ หรือวางลูก ก้านไม้ยืดหยุ่นได้ดี มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้ได้ไวแรง ช่วยเสริมให้ดีดส่งลูกไปท้ายคอร์ต การรับลูกตบ เหมาะเป็นลูกโต้ตอบได้ฉับไว โดยเฉพาะลูกดาด
3.2 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Medium หรือ Regular ก้านแข็งปานกลาง ปกติ เหมาะที่จะเป็นไม้รุกและรับในตัว ช่วยเสริมให้การดีดลูกจากหน้าไม้ได้ดี การวาดหน้าไม้ทำได้คล่องทั้งรุกและรับได้ดีพอๆกัน
3.3Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Stiff หรือExtra stiff ก้านแข็ง เหมาะที่จะเป็นไม้
รุก ช่วยให้การส่งถ่ายพลังแรงจากข้อมือไปผลักกระทบกับลูกได้รุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ ทั้งน้ำหนักและทิศทาง เช่นลูกตบ ลูกหยอดหน้าข่าย ลูกครึ่งตบ
ครึ่งตัด(Topspin) เหมาะสำหรับเกมรุกเป็นสำคัญ ส่วนเกมรับก็ทำได้ในระดับดีพอสมควร
4.จุดศูนย์ถ่วง(Balance Point) ที่วัดจากปลายด้ามจับ (Grip End)
จุดศูนย์ถ่วงของไม้ก็เป็นตัวชี้วัดคุณสมบัติของไม้แต่ละอันว่าไม้นั้นๆเหมาะสำหรับเทคติกการเล่นของเราในการเล่นคู่-เล่นเดี่ยว เล่นเกมรุก-เล่นเกมรับได้ดีเช่นกัน ส่วนใหญ่ไม้แบดจะเขียนจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่ก้านไม้
จุดศูนย์ถ่วงเป็นจุดที่วัดจากปลายด้ามจับ เป็นจูดที่แสดงให้เห็นว่าน้ำหนักของไม้ทั้งหมดอยู่ที่ส่วนใดของก้านไม้ ยิ่งห่างจากปลายด้ามจับ ก็จะทำให้ไม้มีแรงส่งลูกมากเมื่อใช้แรงผลักตีลูกเท่ากัน
ไม้หัวเบา (Head light) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ270-280 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับเกมรับและวางลูก
ไม้หัวหนักปานกลาง(Even/Neutral) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ275-285 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับทั้งเกมรุก-รับ
ไม้หัวหนัก (Head Heavy) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ285-295 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับเกมรุก
5.น้ำหนักของไม้(Racket Weight) เป็นน้ำหนักรวมของไม้แบดเปล่า
2u-(90-94g)
3u-(85-89g)
4u-(80-84g)
ไม้เบาตีสวิงลูกได้เร็วกว่า การควบคุมหน้าไม้ที่คล่องตัวกว่าง่ายกว่า เหมาะสำหรับการเล่นหน้าตาข่าย เล่นทาง วางลูกพลิกลูกได้คล่องตัวแม่นยำและเน้นรับ
ไม้หนักตีสวิงลูกได้รุนแรงกว่า มีน้ำหนักที่หัวไม้มากกว่า เหมาะสำหรับการเล่นลูกตบที่หนักหน่วงและมีน้ำหนักและทิศทางที่แน่นอน
หากต้องการคุณสมบัติของไม้ที่เบา(4u)และเป็นไม้รุกไปในตัว ควรพิจารณาที่ก้านไม้ ควรเป็นไม้ก้านแข็ง(Stiff) และมีจุดศูนย์ถ่วงเป็นไม้หัวหนัก(Head Heavy)จะทำให้การตีลูกการผลักลูกออกไปมีพลังที่หนักหน่วงรุนแรงและได้ทิศทาง
6.ความตึงของเอ็น ค่าสูงสุดที่ไม้รับได้ (String Tension Tolerance) โดยจะแบ่งเป็นแนวตั้ง(Main)แนวดิ่ง(Vertical)กับแนวนอน(Cross)(Horizontal)วัดค่าเป็นปอนด์ โดยแนวตั้งแนวดิ่งจะรับได้น้อยกว่าแนวนอน ไม้ที่เบาจะรับความตึงของเอ็นได้น้อยกว่าเนื่องความบอบบางของเฟรม ตัวอย่างเช่นไม้Victor Supper Nano 5 จะเขียนค่าความตึงของเอ็นไว้ที่โคนไม้ ว่าแนวดิ่ง V:≤28lbs แนวนอนH:≤30lbs ไม้ Dunlop เขียนว่า Max string tension 26lbs
การกำหนดค่าความตึงของเอ็นเวลานำไม้ไปขึ้นเอ็น ย่อมขึ้นกับความเหมาะสมความถนัดของนักแบดแต่ละคน ชนิดขนาดและคุณสมบัติของเอ็นแต่ละชนิดด้วย และการขึ้นเอ็นนั้นมีข้อแนะนำว่าควรขึ้นเอ็นด้วยมือแบบถ่วงน้ำหนัก จะทำให้เส้นเอ็นที่ขึ้นทั้งแนวดิ่ง-แนวนอนมีค่าคงที่เท่ากันทุกเส้น ได้มาตรฐานดีกว่าการขึ้นเอ็นแบบดิจิตอล
7.ความยาว(Total length) เป็นความยาวของไม้ทั้งหมดวัดจากปลายด้ามถึงหัวไม้ ไม้เล่นคู่ควรเป็นไม้ก้านยาว(long) มีความยาว 675 mm./26.5 inches ส่วนไม้ธรรมดาจะมีความยาวเพียง665 mm./26.0 inches ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการสวิงลูก การแตะลูก การเกี่ยวลูก การสะบัดหน้าไม้ การดาดลูกสวนกลับ ที่กระทำได้ว่องไวและคล่องตัวเพราะการเล่นคู่เป็นเกมที่รวดเร็ว และหนักหน่วง ที่ก้านไม้จะเขียนคำว่าlongไว้
8.ศึกษาพิจารณาวัสดุที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ (Frame and Shaft) เป็นคุณสมบัติของไม้แบดฯทุกค่ายที่จะนำวัสดุไฮเทคเทคโนโลยี มาประกอบเป็นตัวเฟรมและก้าน ไม้แบดฯแต่ละรุ่นใช้วัสดุผลิตแตกต่างกันทำให้ราคาของไม้แบดฯมีตั้งแต่หลักร้อยถึงเฉียดหมื่นเลยที่เดียว ทำให้นักแบดฯต้องศึกษามีความรู้เกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดฯได้อย่างคุ้มค่าสมราคา และถูกใจถูกมือ เมื่อได้ใช้ไม้แบดฯได้สัมผัสไม้แบดฯด้วยตนเองในสนาม ในการวางลูก ตบลูก การรับลูก การโยน จังหวะการตอบโต้ เป็นต้น
ไม้แบดฯรุ่นท้อปของแต่ละค่ายในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นของ Yonex Victor Wilson จะใช้ไฮเทคโนโลยี่ที่เรียกว่า Nano Technology วิศวกรแร็กเกตของแต่ละค่ายก็ได้พัฒนาคิดค้นนำอนุภาคเล็กๆจากเทคโนโลยี่มาอัดเชื่อมช่องว่างระหว่างCarbon fibers โดยเฉพาะที่หัวไม้และก้านไม้ให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น และยืดหยุ่นได้ดียิ่งขึ้น มากกว่าไม้แบดฯทั่วๆไป เป็นไม้แบดฯเหมาะสำหรับผู้เล่นถนัดเกมรุก สามารถเพิ่มแรงตบได้มากยิ่งขึ้น ไม้ที่ใช้ไฮเทคโนโลยี่ Nano ก็จะใช้ชื่อรุ่นโดยมีคำว่า Nano อยู่ด้วย เช่น SuperNano ของ Victor Ncode ของ Wilson Nano Speed ของYonexเป็นต้น
วัสดุหลักที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ก็จะเป็นพวก อลูมิเนียม กราไฟท์ยืดหยุ่นสูง นาโนคาร์บอน และไททาเนียมที่เสริมความแข็งแกร่ง ทำให้ไม้แบดฯ มีความยืดหยุ่น และการดีดตัวของหัวไม้ที่รุนแรง
ไม้แบดฯรุ่นใดที่มีส่วนผสมของไททาเนียมที่หัวไม้ เฟรมหรือก้านไม้ จะมีคำว่า "Ti"ที่บริเวณและส่วนของไม้ดังกล่าวด้วย
9.สังเกตจากเลขรหัสที่ปลายก้านไม้และที่กรวยด้ามจับ จะใช้แสงเลเซอร์ยิง ไม้แบดฯที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยของแต่ละค่าย จะมีรหัสคำว่า TH=Thailand และมีหมายเลขรหัสของไม้แบดฯ หรือรหัสที่ต้องการสื่อความหมายวัน/เดือน/ปี ที่ผลิต อะไรทำนองนี้แหละครับ ควรศึกษาจากข้อสังเกต ของแท้ และของเทียมเลียนแบบของ
ไม้แบดฯด้วย โดยเฉพาะไม้แบดฯค่ายดังอย่าง Yonex
รหัสประเทศที่ส่งไปจำหน่าย เช่น TH=Thailand SP=Singapore Tw=Taiwan
(ทั้งสองรหัสนี้ในบ้านเรามีวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากเวลาซื้อหากพบรหัสนี้ต้องระวังและสังเกตให้ดีเพราะเป็นของเทียมเลียนแบบเสียเป็นส่วนใหญ่)
AS=Australia
JP=Japan CH=China IN/IP=Indonesia KR=Korea US=USA
10. รูปร่าง สีสัน อันนี้เป็นข้อสังเกตเกี่ยวข้องกับไม้แบดฯของแท้ ของเทียมเลียนแบบ ได้ประการหนึ่ง นักแบดฯควรศึกษาและสังเกตหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆเช่นจากเพื่อนๆสมาชิก จากแคทตาล็อคในเว็ปบอร์ดต่างๆ
11.ราคา เมื่อตัดสินใจจะเลือกใช้ไม้แบดฯค่ายใด รุ่นใด ราคาส่วนใหญ่จะไม่แตกต่างกันมากนักของร้านค้าต่างๆย่านหลังสนามกีฬาฯ หรือตัวแทนจำหน่าย ควรซื้อจากร้านค้า หรือตัวแทนที่เชื่อถือไว้ใจได้ และมีบริการเรื่องรับประกันหรือไม่ หากเกิดปัญหาเช่นเฟรมร้าว หัก สามารถเคลมได้หรือเปล่า
12.วัสดุ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ผลิตเฟรม-ก้านไม้มาฝากครับ เพื่อประโยชน์ประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อไม้ให้ได้ดีมีคุณภาพ ซึ่งที่ไม้มักมีข้อความตัวหนังสือปรากฏอยู่ด้วยเช่นที่ก้านไม้ เฟรม ไม้แบดทำจากวัสดุ แบ่งเป็น
1. เหล็ก - อะลูมิเนียม
2. Carbon
3. Titanium.
เหล็ก - อะลูมิเนียมเป็นไม้ราคาถูก 2 อัน ไม่เกิน 500 บาท ขายตามร้านทั่วไปแต่มีไม้บางรุ่นกลับตั้งชื่อว่า carbon ทั้งที่ทำจากอะลูมิเนียม ดูพิจารณาให้ถ้วนถี่ ละกัน

Carbon Graphite ก็คือ Carbon นั่นแหละ แต่ไม่เรียกว่า Carbon วัสดุที่ดีที่สุดคือ Hight Modulus Graphite เพราะน้ำหนักเบา ละยืดหยุ่นได้ดี วัสดุนี้มักจะใช้ทำก้าน และเฟรม Graphite ก็ยืดหยุ่นน้อยกว่า ใช้ทำก้าน และเฟรม ไม้ราคาไม่เกิน 2,000 บาทจะนิยมใช้ทำก้านและเฟรม
Titanium เบากว่า Carbon แต่ยืดหยุ่นสู้ไม่ได้ จะใช้ทำเฟรมส่วน 9-3 ตามเข็มนาฬิกา ตรงก้านไม้เป็นเลข 6 ของไม้แพงๆ มักจะใช้ กัน ตอนนี้ไม่ค่อยมีขายเพราะราคาแพง
วัสดุตัวใหม่สุดฮิตคือ Nano Carbonเป็นการนำ Carbon มาเรียงตัวกันใหม่เป็นท่อ มีผลทำให้แข็งแรงกว่าเหล็กเป็นพันๆ เท่า และยังยืดหยุนตัวได้ดีอีกด้วย ไม้แพงๆในปัจจุบันจึงเปลี่ยนจาก Titanium มาเป็น Nano Carbon กันหมด ไม้ Nano Carbon มีส่วนผสมของ Nano Carbon น้อยมาก บางทีมีแค่ผิวของเฟรม หรือผิวของก้านเท่านั้น แกนยังเป็น Graphite อยู่เลย
นอกจากนี้ยังมีวัสดุผสมอีกหลายๆอย่าง เช่น ผสม 3 ตัว คือ Tungsten Titanium และ Carbon ทำให้แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
Prince เรียกว่า Triple Threat (TT)
Yonex เรียกว่า Ultimum Titanium
Gosen เรียกว่า Aermet
Willson เรียกว่า Hyper Carbon
กรุณาจำรุ่นพวกนี้เอาไว้เพราะ ไม้แบดดีๆ มักมีคำเหล่านี้ปรากฏให้เห็นบนตัวไม้
ปัจจุบัน ไม้ที่ใช้ Nano แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1. Nano resin เอากาวที่มีส่วนผมสมของซิลิก้า อบไปบนไม้ ทำให้แข็งแร็งมากขึ้น ผลลัพท์ที่ได้ ไม้น้ำหนักเบาลง ตอนนี้มีแทบทุกยี่ห้อ มักจะเขียนว่า "Nano resin,NanoTec หรือไม่ก็ SiO2"
2. Nanotube เป็นท่อเล็กๆ แข็งแรงกว่าเหล็ก ปัจจุบันใช้ในYonex โดยเรียกว่า Cup
Stack Carbon NanotubeBabolat เรียกว่า Nanotube Power Racketผลลัพท์ที่
ได้ ไม้เบาลง แรงบิดเพิ่มขึ้น 50% การโค้งงอมากขึ้น 20% การนำใส่ Nano นั้นมีเพียงเล็กน้อย ไม้ใดที่ใส่ Nano มากๆ จะสามารถใช้คำว่า Nanotecnology บนตัวไม้ได้
และUltra Hight Modulus Graphite ปัจจุบันไม่ค่อยมีแล้วเนื่องจากราคาสูง แต่ยัง
เห็นในไม้แบดมินตัน Victor อยู่ (รุ่น PW11,PW12,SW33) แล้วก็ Willson (รุ่นN2)

13.ตัวอย่าง เกี่ยวกับตัวเลข-ข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนตัวไม้แบดมินตันให้ศึกษาพิจารณากันเป็นตัวอย่างครับเพื่อความเข้าใจได้อย่างถูกต้องชัดเจน-แม่นยำครับ เวลาตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดมินตันแต่ละครั้ง
ผมขอยกตัวอย่างจากไม้แบดมินตันYonex Armortec 700 ประกอบว่ามีตัวเลข-ข้อมูลอะไรบ้างและตัวเลข-ข้อมูลเหล่านี่คืออะไร ?
Yonex Armortec 700
Flex: Extra Stiff
Frame: Ultra H.M. Graphite
Shift: H.M. Graphite UltimunTi
4U(80-84.9G) G4,5

ขออธิบายเป็นลำดับ ดังนี้
Yonex Armortec 700 เป็นชื่อรุ่น
Flex คือระดับการโค้งงอของก้านไม้มี 4 ระดับคือ
-1. Extra Stiff ก้านแข็งมาก ใช้มือดัดได้น้อยมาก เหมาะเป็นไม้รุก-เน้นตบ
-2. Stiff ก้านแข็ง ใช้มือดัดได้น้อยเหมาะเป็นไม้รุก
-3. Middle ก้านอ่อนปานกลาง ใช้มือดัดได้ เหมาะเป็นไม้รุก-รับในตัว
-4. Flex ก้านอ่อน ใช้มือดัดได้มาก เหมาะเป็นไม้รับ
Frame กรอบทำจากวัสดุไฮเทคโนโลยีที่วิศวกรแร็กเก็ตได้ค้นคิดขึ้น ทำจาก Ultra Hight Modulus Graphite ซึ่งไม้แบดมินตันแต่ละรุ่นแต่ละค่ายมักใช้วัสดุเหล่านี้ทำเฟรมและก้านคือ
-1.Ultra Hight Modulus Graphite (แข็งและ ยืดหยุ่นดีที่สุด)
-2.Hight Modulus Graphite
-3.Nano Graphite (เบา)
-4.Ti (แข็งไม่ยืดหยุ่น)
-5.Graphite (สำหรับไม้ราคาประหยัด)
Shift ส่วนของก้านไม้ทำจาก Hight Modulus Graphite UltimunTi
4U คือน้ำหนักของไม้
Weigth:(U) คือน้ำหนักของไม้เปล่า ไม่พันกริปเพิ่ม และยังไม่ขึ้นเอ็น ค่า U มากยิ่งเบา และแพง
ค่าตัวเลข U ที่แสดงเป็นของ ไม้แบดมินตัน yonex คือ(ยี่ห้ออื่นอาจแต่ต่างกันไป)
-2U(90-94g)
-3U(85-89g)
-4U(80-84g)
G4 คือขนาดของด้ามจับ
Grip: (G)ขนาด กริป วัดเป็นเส้นรอบวง ของ กริปเดิม
ค่า Gมาก ด้ามเล็ก ค่า G ของ Yonex มีดังนี้
Yonex G2 - 4.00 inches
Yonex G3 - 3.75 inches
Yonex G4 - 3.50 inches
Yonex G5 - 3.25 inches
Balance Point: ไม้หนักหัวหรือเปล่า (คิดในขณะที่ยังไม่พันด้าม)Balance Point ประมาณ 300+ แสดงว่าหนักกลาง
ตัวอย่าง
Balance Point: 285-290mm
Length: ความยาวของก้านไม้ ไม้ก้านยาว 675+/-1mmข้อนี้หนักหัวเพราะ Balance ไม่ได้อยู่กลางไม้ Length ค่าสูงกว่า 674-675 คือไม้ก้านยาว
หากน้ำหนักตกที่ส่วนหัวจะตบแรง และหากน้ำหนักตกส่วนกลางเน้นเกมรับและถ้าหากมีโอกาสได้สัมผัส ได้ทดลองใช้ไม้แบดฯ ตีลูกทดสอบด้วยตนเองก็จะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดสำหรับตีคู่ได้อย่างวิเศษยิ่ง
โอ้โห ข้อมูลแน่นมากครับ ขอบคุณครับ
ข้อมูลส่วนตัว
 
[ โ ต้ ง ]

พี่ใหญ่
เขียนเมื่อ:  2/5/2013 21:38:43
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 729
เลขที่สมาชิก: 7898
สมัครเมื่อ: 21/4/2007

ฉบับเต็มกันไปเลย


วิธีเลือกไม้แบด.....
ก่อนตัดสินเลือกซื้อไม้สำหรับเล่นคู่ควรศึกษาอะไรบ้าง ?
1.ศึกษาจากChart เปรียบเทียบไม้แบดแต่ละรุ่น ของแต่ละค่ายว่า รุ่นใดเป็นไม้รุก-ไม้รับ เล่นคู่-เล่นเดียว เช่นของ kason ก็มี และvictor ก็มี ดูศึกษาจากภาพที่แนบมา
2.รูปเฟรมไม้(Frame Shape)ควรมีลักษณะเป็นมิติแบบ Isometric แบบสมมาตร หัวไม้รูปสี่เหลี่ยม บริเวณจุดกระทบลูก(Sweetspot)กว้างกว่าเฟรมไม้รูปไข่ สร้างสมดุลให้กับเอ็นทั้งแนวตั้ง-แนวนอน เพื่อเพิ่มความแม่นยำแน่นอนในการผลักลูกเมื่อกระทบกับหน้าไม้
3.ระดับความแข็งของก้านไม้(Stiffness of Shaft) ที่ก้านไม้มักจะมีข้อความระบุไว้ โดยทั่วไปมี 3 ระดับ
3.1 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Soft หรือ Super flex เหมาะที่จะเป็นไม้รับ หรือวางลูก ก้านไม้ยืดหยุ่นได้ดี มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้ได้ไวแรง ช่วยเสริมให้ดีดส่งลูกไปท้ายคอร์ต การรับลูกตบ เหมาะเป็นลูกโต้ตอบได้ฉับไว โดยเฉพาะลูกดาด
3.2 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Medium หรือ Regular ก้านแข็งปานกลาง ปกติ เหมาะที่จะเป็นไม้รุกและรับในตัว ช่วยเสริมให้การดีดลูกจากหน้าไม้ได้ดี การวาดหน้าไม้ทำได้คล่องทั้งรุกและรับได้ดีพอๆกัน
3.3Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Stiff หรือExtra stiff ก้านแข็ง เหมาะที่จะเป็นไม้
รุก ช่วยให้การส่งถ่ายพลังแรงจากข้อมือไปผลักกระทบกับลูกได้รุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ ทั้งน้ำหนักและทิศทาง เช่นลูกตบ ลูกหยอดหน้าข่าย ลูกครึ่งตบ
ครึ่งตัด(Topspin) เหมาะสำหรับเกมรุกเป็นสำคัญ ส่วนเกมรับก็ทำได้ในระดับดีพอสมควร
4.จุดศูนย์ถ่วง(Balance Point) ที่วัดจากปลายด้ามจับ (Grip End)
จุดศูนย์ถ่วงของไม้ก็เป็นตัวชี้วัดคุณสมบัติของไม้แต่ละอันว่าไม้นั้นๆเหมาะสำหรับเทคติกการเล่นของเราในการเล่นคู่-เล่นเดี่ยว เล่นเกมรุก-เล่นเกมรับได้ดีเช่นกัน ส่วนใหญ่ไม้แบดจะเขียนจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่ก้านไม้
จุดศูนย์ถ่วงเป็นจุดที่วัดจากปลายด้ามจับ เป็นจูดที่แสดงให้เห็นว่าน้ำหนักของไม้ทั้งหมดอยู่ที่ส่วนใดของก้านไม้ ยิ่งห่างจากปลายด้ามจับ ก็จะทำให้ไม้มีแรงส่งลูกมากเมื่อใช้แรงผลักตีลูกเท่ากัน
ไม้หัวเบา (Head light) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ270-280 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับเกมรับและวางลูก
ไม้หัวหนักปานกลาง(Even/Neutral) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ275-285 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับทั้งเกมรุก-รับ
ไม้หัวหนัก (Head Heavy) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ285-295 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับเกมรุก
5.น้ำหนักของไม้(Racket Weight) เป็นน้ำหนักรวมของไม้แบดเปล่า
2u-(90-94g)
3u-(85-89g)
4u-(80-84g)
ไม้เบาตีสวิงลูกได้เร็วกว่า การควบคุมหน้าไม้ที่คล่องตัวกว่าง่ายกว่า เหมาะสำหรับการเล่นหน้าตาข่าย เล่นทาง วางลูกพลิกลูกได้คล่องตัวแม่นยำและเน้นรับ
ไม้หนักตีสวิงลูกได้รุนแรงกว่า มีน้ำหนักที่หัวไม้มากกว่า เหมาะสำหรับการเล่นลูกตบที่หนักหน่วงและมีน้ำหนักและทิศทางที่แน่นอน
หากต้องการคุณสมบัติของไม้ที่เบา(4u)และเป็นไม้รุกไปในตัว ควรพิจารณาที่ก้านไม้ ควรเป็นไม้ก้านแข็ง(Stiff) และมีจุดศูนย์ถ่วงเป็นไม้หัวหนัก(Head Heavy)จะทำให้การตีลูกการผลักลูกออกไปมีพลังที่หนักหน่วงรุนแรงและได้ทิศทาง
6.ความตึงของเอ็น ค่าสูงสุดที่ไม้รับได้ (String Tension Tolerance) โดยจะแบ่งเป็นแนวตั้ง(Main)แนวดิ่ง(Vertical)กับแนวนอน(Cross)(Horizontal)วัดค่าเป็นปอนด์ โดยแนวตั้งแนวดิ่งจะรับได้น้อยกว่าแนวนอน ไม้ที่เบาจะรับความตึงของเอ็นได้น้อยกว่าเนื่องความบอบบางของเฟรม ตัวอย่างเช่นไม้Victor Supper Nano 5 จะเขียนค่าความตึงของเอ็นไว้ที่โคนไม้ ว่าแนวดิ่ง V:≤28lbs แนวนอนH:≤30lbs ไม้ Dunlop เขียนว่า Max string tension 26lbs
การกำหนดค่าความตึงของเอ็นเวลานำไม้ไปขึ้นเอ็น ย่อมขึ้นกับความเหมาะสมความถนัดของนักแบดแต่ละคน ชนิดขนาดและคุณสมบัติของเอ็นแต่ละชนิดด้วย และการขึ้นเอ็นนั้นมีข้อแนะนำว่าควรขึ้นเอ็นด้วยมือแบบถ่วงน้ำหนัก จะทำให้เส้นเอ็นที่ขึ้นทั้งแนวดิ่ง-แนวนอนมีค่าคงที่เท่ากันทุกเส้น ได้มาตรฐานดีกว่าการขึ้นเอ็นแบบดิจิตอล
7.ความยาว(Total length) เป็นความยาวของไม้ทั้งหมดวัดจากปลายด้ามถึงหัวไม้ ไม้เล่นคู่ควรเป็นไม้ก้านยาว(long) มีความยาว 675 mm./26.5 inches ส่วนไม้ธรรมดาจะมีความยาวเพียง665 mm./26.0 inches ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการสวิงลูก การแตะลูก การเกี่ยวลูก การสะบัดหน้าไม้ การดาดลูกสวนกลับ ที่กระทำได้ว่องไวและคล่องตัวเพราะการเล่นคู่เป็นเกมที่รวดเร็ว และหนักหน่วง ที่ก้านไม้จะเขียนคำว่าlongไว้
8.ศึกษาพิจารณาวัสดุที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ (Frame and Shaft) เป็นคุณสมบัติของไม้แบดฯทุกค่ายที่จะนำวัสดุไฮเทคเทคโนโลยี มาประกอบเป็นตัวเฟรมและก้าน ไม้แบดฯแต่ละรุ่นใช้วัสดุผลิตแตกต่างกันทำให้ราคาของไม้แบดฯมีตั้งแต่หลักร้อยถึงเฉียดหมื่นเลยที่เดียว ทำให้นักแบดฯต้องศึกษามีความรู้เกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดฯได้อย่างคุ้มค่าสมราคา และถูกใจถูกมือ เมื่อได้ใช้ไม้แบดฯได้สัมผัสไม้แบดฯด้วยตนเองในสนาม ในการวางลูก ตบลูก การรับลูก การโยน จังหวะการตอบโต้ เป็นต้น
ไม้แบดฯรุ่นท้อปของแต่ละค่ายในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นของ Yonex Victor Wilson จะใช้ไฮเทคโนโลยี่ที่เรียกว่า Nano Technology วิศวกรแร็กเกตของแต่ละค่ายก็ได้พัฒนาคิดค้นนำอนุภาคเล็กๆจากเทคโนโลยี่มาอัดเชื่อมช่องว่างระหว่างCarbon fibers โดยเฉพาะที่หัวไม้และก้านไม้ให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น และยืดหยุ่นได้ดียิ่งขึ้น มากกว่าไม้แบดฯทั่วๆไป เป็นไม้แบดฯเหมาะสำหรับผู้เล่นถนัดเกมรุก สามารถเพิ่มแรงตบได้มากยิ่งขึ้น ไม้ที่ใช้ไฮเทคโนโลยี่ Nano ก็จะใช้ชื่อรุ่นโดยมีคำว่า Nano อยู่ด้วย เช่น SuperNano ของ Victor Ncode ของ Wilson Nano Speed ของYonexเป็นต้น
วัสดุหลักที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ก็จะเป็นพวก อลูมิเนียม กราไฟท์ยืดหยุ่นสูง นาโนคาร์บอน และไททาเนียมที่เสริมความแข็งแกร่ง ทำให้ไม้แบดฯ มีความยืดหยุ่น และการดีดตัวของหัวไม้ที่รุนแรง
ไม้แบดฯรุ่นใดที่มีส่วนผสมของไททาเนียมที่หัวไม้ เฟรมหรือก้านไม้ จะมีคำว่า "Ti"ที่บริเวณและส่วนของไม้ดังกล่าวด้วย
9.สังเกตจากเลขรหัสที่ปลายก้านไม้และที่กรวยด้ามจับ จะใช้แสงเลเซอร์ยิง ไม้แบดฯที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยของแต่ละค่าย จะมีรหัสคำว่า TH=Thailand และมีหมายเลขรหัสของไม้แบดฯ หรือรหัสที่ต้องการสื่อความหมายวัน/เดือน/ปี ที่ผลิต อะไรทำนองนี้แหละครับ ควรศึกษาจากข้อสังเกต ของแท้ และของเทียมเลียนแบบของ
ไม้แบดฯด้วย โดยเฉพาะไม้แบดฯค่ายดังอย่าง Yonex
รหัสประเทศที่ส่งไปจำหน่าย เช่น TH=Thailand SP=Singapore Tw=Taiwan
(ทั้งสองรหัสนี้ในบ้านเรามีวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากเวลาซื้อหากพบรหัสนี้ต้องระวังและสังเกตให้ดีเพราะเป็นของเทียมเลียนแบบเสียเป็นส่วนใหญ่)
AS=Australia
JP=Japan CH=China IN/IP=Indonesia KR=Korea US=USA
10. รูปร่าง สีสัน อันนี้เป็นข้อสังเกตเกี่ยวข้องกับไม้แบดฯของแท้ ของเทียมเลียนแบบ ได้ประการหนึ่ง นักแบดฯควรศึกษาและสังเกตหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆเช่นจากเพื่อนๆสมาชิก จากแคทตาล็อคในเว็ปบอร์ดต่างๆ
11.ราคา เมื่อตัดสินใจจะเลือกใช้ไม้แบดฯค่ายใด รุ่นใด ราคาส่วนใหญ่จะไม่แตกต่างกันมากนักของร้านค้าต่างๆย่านหลังสนามกีฬาฯ หรือตัวแทนจำหน่าย ควรซื้อจากร้านค้า หรือตัวแทนที่เชื่อถือไว้ใจได้ และมีบริการเรื่องรับประกันหรือไม่ หากเกิดปัญหาเช่นเฟรมร้าว หัก สามารถเคลมได้หรือเปล่า
12.วัสดุ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ผลิตเฟรม-ก้านไม้มาฝากครับ เพื่อประโยชน์ประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อไม้ให้ได้ดีมีคุณภาพ ซึ่งที่ไม้มักมีข้อความตัวหนังสือปรากฏอยู่ด้วยเช่นที่ก้านไม้ เฟรม ไม้แบดทำจากวัสดุ แบ่งเป็น
1. เหล็ก - อะลูมิเนียม
2. Carbon
3. Titanium.
เหล็ก - อะลูมิเนียมเป็นไม้ราคาถูก 2 อัน ไม่เกิน 500 บาท ขายตามร้านทั่วไปแต่มีไม้บางรุ่นกลับตั้งชื่อว่า carbon ทั้งที่ทำจากอะลูมิเนียม ดูพิจารณาให้ถ้วนถี่ ละกัน

Carbon Graphite ก็คือ Carbon นั่นแหละ แต่ไม่เรียกว่า Carbon วัสดุที่ดีที่สุดคือ Hight Modulus Graphite เพราะน้ำหนักเบา ละยืดหยุ่นได้ดี วัสดุนี้มักจะใช้ทำก้าน และเฟรม Graphite ก็ยืดหยุ่นน้อยกว่า ใช้ทำก้าน และเฟรม ไม้ราคาไม่เกิน 2,000 บาทจะนิยมใช้ทำก้านและเฟรม
Titanium เบากว่า Carbon แต่ยืดหยุ่นสู้ไม่ได้ จะใช้ทำเฟรมส่วน 9-3 ตามเข็มนาฬิกา ตรงก้านไม้เป็นเลข 6 ของไม้แพงๆ มักจะใช้ กัน ตอนนี้ไม่ค่อยมีขายเพราะราคาแพง
วัสดุตัวใหม่สุดฮิตคือ Nano Carbonเป็นการนำ Carbon มาเรียงตัวกันใหม่เป็นท่อ มีผลทำให้แข็งแรงกว่าเหล็กเป็นพันๆ เท่า และยังยืดหยุนตัวได้ดีอีกด้วย ไม้แพงๆในปัจจุบันจึงเปลี่ยนจาก Titanium มาเป็น Nano Carbon กันหมด ไม้ Nano Carbon มีส่วนผสมของ Nano Carbon น้อยมาก บางทีมีแค่ผิวของเฟรม หรือผิวของก้านเท่านั้น แกนยังเป็น Graphite อยู่เลย
นอกจากนี้ยังมีวัสดุผสมอีกหลายๆอย่าง เช่น ผสม 3 ตัว คือ Tungsten Titanium และ Carbon ทำให้แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
Prince เรียกว่า Triple Threat (TT)
Yonex เรียกว่า Ultimum Titanium
Gosen เรียกว่า Aermet
Willson เรียกว่า Hyper Carbon
กรุณาจำรุ่นพวกนี้เอาไว้เพราะ ไม้แบดดีๆ มักมีคำเหล่านี้ปรากฏให้เห็นบนตัวไม้
ปัจจุบัน ไม้ที่ใช้ Nano แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
1. Nano resin เอากาวที่มีส่วนผมสมของซิลิก้า อบไปบนไม้ ทำให้แข็งแร็งมากขึ้น ผลลัพท์ที่ได้ ไม้น้ำหนักเบาลง ตอนนี้มีแทบทุกยี่ห้อ มักจะเขียนว่า "Nano resin,NanoTec หรือไม่ก็ SiO2"
2. Nanotube เป็นท่อเล็กๆ แข็งแรงกว่าเหล็ก ปัจจุบันใช้ในYonex โดยเรียกว่า Cup
Stack Carbon NanotubeBabolat เรียกว่า Nanotube Power Racketผลลัพท์ที่
ได้ ไม้เบาลง แรงบิดเพิ่มขึ้น 50% การโค้งงอมากขึ้น 20% การนำใส่ Nano นั้นมีเพียงเล็กน้อย ไม้ใดที่ใส่ Nano มากๆ จะสามารถใช้คำว่า Nanotecnology บนตัวไม้ได้
และUltra Hight Modulus Graphite ปัจจุบันไม่ค่อยมีแล้วเนื่องจากราคาสูง แต่ยัง
เห็นในไม้แบดมินตัน Victor อยู่ (รุ่น PW11,PW12,SW33) แล้วก็ Willson (รุ่นN2)

13.ตัวอย่าง เกี่ยวกับตัวเลข-ข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนตัวไม้แบดมินตันให้ศึกษาพิจารณากันเป็นตัวอย่างครับเพื่อความเข้าใจได้อย่างถูกต้องชัดเจน-แม่นยำครับ เวลาตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดมินตันแต่ละครั้ง
ผมขอยกตัวอย่างจากไม้แบดมินตันYonex Armortec 700 ประกอบว่ามีตัวเลข-ข้อมูลอะไรบ้างและตัวเลข-ข้อมูลเหล่านี่คืออะไร ?
Yonex Armortec 700
Flex: Extra Stiff
Frame: Ultra H.M. Graphite
Shift: H.M. Graphite UltimunTi
4U(80-84.9G) G4,5

ขออธิบายเป็นลำดับ ดังนี้
Yonex Armortec 700 เป็นชื่อรุ่น
Flex คือระดับการโค้งงอของก้านไม้มี 4 ระดับคือ
-1. Extra Stiff ก้านแข็งมาก ใช้มือดัดได้น้อยมาก เหมาะเป็นไม้รุก-เน้นตบ
-2. Stiff ก้านแข็ง ใช้มือดัดได้น้อยเหมาะเป็นไม้รุก
-3. Middle ก้านอ่อนปานกลาง ใช้มือดัดได้ เหมาะเป็นไม้รุก-รับในตัว
-4. Flex ก้านอ่อน ใช้มือดัดได้มาก เหมาะเป็นไม้รับ
Frame กรอบทำจากวัสดุไฮเทคโนโลยีที่วิศวกรแร็กเก็ตได้ค้นคิดขึ้น ทำจาก Ultra Hight Modulus Graphite ซึ่งไม้แบดมินตันแต่ละรุ่นแต่ละค่ายมักใช้วัสดุเหล่านี้ทำเฟรมและก้านคือ
-1.Ultra Hight Modulus Graphite (แข็งและ ยืดหยุ่นดีที่สุด)
-2.Hight Modulus Graphite
-3.Nano Graphite (เบา)
-4.Ti (แข็งไม่ยืดหยุ่น)
-5.Graphite (สำหรับไม้ราคาประหยัด)
Shift ส่วนของก้านไม้ทำจาก Hight Modulus Graphite UltimunTi
4U คือน้ำหนักของไม้
Weigth:(U) คือน้ำหนักของไม้เปล่า ไม่พันกริปเพิ่ม และยังไม่ขึ้นเอ็น ค่า U มากยิ่งเบา และแพง
ค่าตัวเลข U ที่แสดงเป็นของ ไม้แบดมินตัน yonex คือ(ยี่ห้ออื่นอาจแต่ต่างกันไป)
-2U(90-94g)
-3U(85-89g)
-4U(80-84g)
G4 คือขนาดของด้ามจับ
Grip: (G)ขนาด กริป วัดเป็นเส้นรอบวง ของ กริปเดิม
ค่า Gมาก ด้ามเล็ก ค่า G ของ Yonex มีดังนี้
Yonex G2 - 4.00 inches
Yonex G3 - 3.75 inches
Yonex G4 - 3.50 inches
Yonex G5 - 3.25 inches
Balance Point: ไม้หนักหัวหรือเปล่า (คิดในขณะที่ยังไม่พันด้าม)Balance Point ประมาณ 300+ แสดงว่าหนักกลาง
ตัวอย่าง
Balance Point: 285-290mm
Length: ความยาวของก้านไม้ ไม้ก้านยาว 675+/-1mmข้อนี้หนักหัวเพราะ Balance ไม่ได้อยู่กลางไม้ Length ค่าสูงกว่า 674-675 คือไม้ก้านยาว
หากน้ำหนักตกที่ส่วนหัวจะตบแรง และหากน้ำหนักตกส่วนกลางเน้นเกมรับและถ้าหากมีโอกาสได้สัมผัส ได้ทดลองใช้ไม้แบดฯ ตีลูกทดสอบด้วยตนเองก็จะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดสำหรับตีคู่ได้อย่างวิเศษยิ่ง
ข้อมูลส่วนตัว
 
takdanai1

น้องเล็ก
เขียนเมื่อ:  2/5/2013 12:27:35
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 30
เลขที่สมาชิก: 61510
สมัครเมื่อ: 29/4/2013

ขอบคุณทุกคอมเม้นนะครับ
ผมไปตรวจไม้ตัวเอง พึ่งรู้ว่า 81g = 4U
แต่ผมว่ามันเบาไปนะครับ
ข้อมูลส่วนตัว
 
A4U

ขาโจ๋ประจำเวบ
เขียนเมื่อ:  2/5/2013 12:14:50
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 2885
เลขที่สมาชิก: 25698
สมัครเมื่อ: 27/10/2008

4 กำลังดีครับ ตามถนัด
ข้อมูลส่วนตัว
 
พัด B.N.S.(Thailand)

สุดยอดแฟนพันธ์แท้
เขียนเมื่อ:  2/5/2013 9:35:48
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 17854
เลขที่สมาชิก: 11486
สมัครเมื่อ: 24/9/2007

นน.ของไม้ครับผม
ยี่ห้อโดยทั่วไป และมาตาฐานโรงงานเวลาที่จะสั่งผลิตไม้

2U = 90-94 กรัม
3U = 85-89 กรัม
4U = 80-84 กรัม
5U = 75-79 กรัม
6U = 70-74 กรัม
7U = 65-69 กรัม

อันนี้เป็นมาตรฐานที่โรงงานเค้าใช้กันเวลาขะสั่งผลิตนะครับ

ส่วน FB ของ Yonex ไม่ถึงที่ 7U นะครับ จะเป็นที่ 6U เพียงแต่เรียกชื่อให้ต่างออกไป ว่าน้ำหนัก F
แต่ผมว่าไม่น่าจะมียี่ห้ออื่นๆเรียกตาม เพราะหลายยี่ห้อออกน้ำหนักไม้ที่ 6U
มานานก่อนหน้านี้แล้วและเค้าเรียกกันไปแล้วว่า 6U ตามมาตรฐานโรงงานนะครับผม
ข้อมูลส่วนตัว
 
takdanai1

น้องเล็ก
เขียนเมื่อ:  2/5/2013 8:57:52
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 30
เลขที่สมาชิก: 61510
สมัครเมื่อ: 29/4/2013


ยกคำพูด:
เขียนโดย henrypresteam:

U = under
ไม่แน่ว่า yonex เป็นคนกำหนดมาตรฐาน U ขึ้นมารึป่าวครับ
เพราะ yonex แร็กเก็ตที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 100g ได้สำเร็จในปี 1980
คือรุ่น carbonex 8 ครับ ตอนนั้นฮือฮามาก "ไม้แบดที่เบากว่าไข่ไก่"
เป็นการเปิดศักราชใหม่ของมาตรฐานไม้แบดเลยทีเดียว
เพราะนำ carbon fiber มาทำเป็นก้านครั้งแรกของ yonex
carbonex 8 ไม้ที่มีนำหนัก = U คือเฉลี่ยประมาณ 98 กรัม

1U = 5 กรัม
ซึ่งนน. 5 กรัมที่ต่างกันนั้นเป็นน้ำหนักที่ผู้เล่นสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน
(โดยเฉพาะเวลาเล่น, หวดลูก)
ตัวอย่างการคำนวนน้ำหนัก เช่น ไม้หนัก 3U
3U*5 กรัม = 15 กรัม-100 = 85 กรัม

ตามที่ yonex แจ้งไว้ใน website ของเขา
น้ำหนักมาตรฐาน U
2U = เฉลี่ย 93 กรัม
3U = เฉลี่ย 88 กรัม
4U = เฉลี่ย 83 กรัม
5U = เฉลี่ย 78 กรัม
F = เฉลี่ย 73 กรัม

จะเห็นว่า yonex ได้สร้างมาตรฐานใหม่อีกครั้ง คือน้ำหนัก F
ซึ่งใช้กับไม้รุ่น ArcSaber FB เป็นครั้งแรก แทนที่จะเป็น 7U ก็เปลี่ยนเป็น F แทนครับ


[ แก้ไขโดย henrypresteam เมื่อ 2/5/2013 2:21 ]

ขอบคุณมากเลยครับ สำหรับข้อมูล
ข้อมูลส่วนตัว
 
henrypresteam

พี่ใหญ่
เขียนเมื่อ:  2/5/2013 2:03:33
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 686
เลขที่สมาชิก: 60884
สมัครเมื่อ: 19/3/2013

U = under
ไม่แน่ว่า yonex เป็นคนกำหนดมาตรฐาน U ขึ้นมารึป่าวครับ
เพราะ yonex แร็กเก็ตที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 100g ได้สำเร็จในปี 1980
คือรุ่น carbonex 8 ครับ ตอนนั้นฮือฮามาก "ไม้แบดที่เบากว่าไข่ไก่"
เป็นการเปิดศักราชใหม่ของมาตรฐานไม้แบดเลยทีเดียว
เพราะนำ carbon fiber มาทำเป็นก้านครั้งแรกของ yonex
carbonex 8 ไม้ที่มีนำหนัก = U คือเฉลี่ยประมาณ 98 กรัม

1U = 5 กรัม
ซึ่งนน. 5 กรัมที่ต่างกันนั้นเป็นน้ำหนักที่ผู้เล่นสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน
(โดยเฉพาะเวลาเล่น, หวดลูก)
ตัวอย่างการคำนวนน้ำหนัก เช่น ไม้หนัก 3U
3U*5 กรัม = 15 กรัม-100 = 85 กรัม

ตามที่ yonex แจ้งไว้ใน website ของเขา
น้ำหนักมาตรฐาน U
2U = เฉลี่ย 93 กรัม
3U = เฉลี่ย 88 กรัม
4U = เฉลี่ย 83 กรัม
5U = เฉลี่ย 78 กรัม
F = เฉลี่ย 73 กรัม

จะเห็นว่า yonex ได้สร้างมาตรฐานใหม่อีกครั้ง คือน้ำหนัก F
ซึ่งใช้กับไม้รุ่น ArcSaber FB เป็นครั้งแรก แทนที่จะเป็น 7U ก็เปลี่ยนเป็น F แทนครับ


[ แก้ไขโดย henrypresteam เมื่อ 2/5/2013 2:21 ]
ข้อมูลส่วนตัว
 
ManowOnline

น้องรอง
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 22:16:56
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 127
เลขที่สมาชิก: 48232
สมัครเมื่อ: 18/6/2011


ยกคำพูด:
เขียนโดย MetalTPS:

น้ำหนักไม้ครับ เลขยิ่งน้อยยิ่งเบา

แต่ผมว่าเลขยิ่งน้อย มันก็ยิ่งหนักนะครับท่าน -_- 
ข้อมูลส่วนตัว
 
RelaxHearts : )

พี่รอง
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 22:10:40
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 486
เลขที่สมาชิก: 54958
สมัครเมื่อ: 8/6/2012

U มาก น้ำหนักน้อย / U น้อย น้ำหนักมาก : )
ข้อมูลส่วนตัว
 
Take on the world

โดนใบแดง
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 21:49:26
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 2622
เลขที่สมาชิก: 30783
สมัครเมื่อ: 5/4/2009

69U
ข้อมูลส่วนตัว
 
!!!! ไม้เมืองชล !!!!

พี่ใหญ่
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 21:34:19
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 1721
เลขที่สมาชิก: 40682
สมัครเมื่อ: 16/6/2010

ยกคำพูด:
เขียนโดย Z44Ps:

เลขยิ่งมากยิ่งเบาไม่ใช่เหรอครับ 3U 4U 5U 6U

6U เบาสุด
ข้อมูลส่วนตัว
 
takdanai1

น้องเล็ก
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 20:50:13
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 30
เลขที่สมาชิก: 61510
สมัครเมื่อ: 29/4/2013

อ๋อ หรอครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ
ข้อมูลส่วนตัว
 
Z44Ps

พี่รอง
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 20:39:59
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 372
เลขที่สมาชิก: 55251
สมัครเมื่อ: 25/6/2012

เลขยิ่งมากยิ่งเบาไม่ใช่เหรอครับ 3U 4U 5U 6U

6U เบาสุด
ข้อมูลส่วนตัว
 
takdanai1

น้องเล็ก
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 20:17:06
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 30
เลขที่สมาชิก: 61510
สมัครเมื่อ: 29/4/2013

ขอบคุณครับ
ข้อมูลส่วนตัว
 
MetalTPS

พี่ใหญ่
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 20:14:07
  Re: 3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 680
เลขที่สมาชิก: 54959
สมัครเมื่อ: 8/6/2012

น้ำหนักไม้ครับ เลขยิ่งน้อยยิ่งเบา
ข้อมูลส่วนตัว
 
takdanai1

น้องเล็ก
เขียนเมื่อ:  1/5/2013 20:02:23
  3U กับ 4U คืออะไรหรอครับ ?



ข้อความ: 30
เลขที่สมาชิก: 61510
สมัครเมื่อ: 29/4/2013

ผมเห็นคุยกันผมไม่รู้ครับเลยขอถามหน่อย 
ข้อมูลส่วนตัว




ผู้ใช้งาน

ผู้ใช้งาน: 10 คนกำลังอ่านกระดานนี้
ขณะนี้มีสมาชิกออนไลน์ 10 คน [ แอดมิน ] [ ผู้ดูแล ]
10 ผู้มาเยือน
0 สมาชิก:

ค้นหา

กำหนดสิทธิ

คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความ
คุณ ไม่สามารถ เพิ่มแบบสอบถาม
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้
คุณ ไม่สามารถ ลบข้อความ
คุณ ไม่สามารถ โหวต