ดังนั้นก่อนตัดสินเลือกซื้อไม้สำหรับเล่นคู่ควรศึกษาอะไรบ้าง ?
1.ศึกษาจากChart เปรียบเทียบไม้แบดแต่ละรุ่น ของแต่ละค่ายว่า รุ่นใดเป็นไม้รุก-ไม้รับ เล่นคู่-เล่นเดียว เช่นของ kason ก็มี และvictor ก็มี ดูศึกษาจากภาพที่แนบมา
2.รูปเฟรมไม้(Frame Shape)ควรมีลักษณะเป็นมิติแบบ Isometric แบบสมมาตร หัวไม้รูปสี่เหลี่ยม บริเวณจุดกระทบลูก(Sweetspot)กว้างกว่าเฟรมไม้รูปไข่ สร้างสมดุลให้กับเอ็นทั้งแนวตั้ง-แนวนอน เพื่อเพิ่มความแม่นยำแน่นอนในการผลักลูกเมื่อกระทบกับหน้าไม้
3.ระดับความแข็งของก้านไม้(Stiffness of Shaft) ที่ก้านไม้มักจะมีข้อความระบุไว้ โดยทั่วไปมี 3 ระดับ
3.1 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Soft หรือ Super flex เหมาะที่จะเป็นไม้รับ หรือวางลูก ก้านไม้ยืดหยุ่นได้ดี มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้ได้ไวแรง ช่วยเสริมให้ดีดส่งลูกไปท้ายคอร์ต การรับลูกตบ เหมาะเป็นลูกโต้ตอบได้ฉับไว โดยเฉพาะลูกดาด
3.2 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Medium หรือ Regular ก้านแข็งปานกลาง ปกติ เหมาะที่จะเป็นไม้รุกและรับในตัว ช่วยเสริมให้การดีดลูกจากหน้าไม้ได้ดี การวาดหน้าไม้ทำได้คล่องทั้งรุกและรับได้ดีพอๆกัน
3.3Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Stiff หรือExtra stiff ก้านแข็ง เหมาะที่จะเป็นไม้รุก ช่วยให้การส่งถ่ายพลังแรงจากข้อมือไปผลักกระทบกับลูกได้รุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ ทั้งน้ำหนักและทิศทาง เช่นลูกตบ ลูกหยอดหน้าข่าย ลูกครึ่งตบครึ่งตัด(Topspin) เหมาะสำหรับเกมรุกเป็นสำคัญ ส่วนเกมรับก็ทำได้ในระดับดีพอสมควร
4.จุดศูนย์ถ่วง(Balance Point) ที่วัดจากปลายด้ามจับ (Grip End)
จุดศูนย์ถ่วงของไม้ก็เป็นตัวชี้วัดคุณสมบัติของไม้แต่ละอันว่าไม้นั้นๆเหมาะสำหรับเทคติกการเล่นของเราในการเล่นคู่-เล่นเดี่ยว เล่นเกมรุก-เล่นเกมรับได้ดีเช่นกัน ส่วนใหญ่ไม้แบดจะเขียนจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่ก้านไม้ จุดศูนย์ถ่วงเป็นจุดที่วัดจากปลายด้ามจับ เป็นจูดที่แสดงให้เห็นว่าน้ำหนักของไม้ทั้งหมดอยู่ที่ส่วนใดของก้านไม้ ยิ่งห่างจากปลายด้ามจับ ก็จะทำให้ไม้มีแรงส่งลูกมากเมื่อใช้แรงผลักตีลูกเท่ากัน
ไม้หัวเบา (Head light) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ270-280 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับเกมรับและวางลูก
ไม้หัวหนักปานกลาง(Even/Neutral) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ275-285 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับทั้งเกมรุก-รับ
ไม้หัวหนัก (Head Heavy) จุดศูนย์ถ่วงมีระยะ285-295 mm. เป็นไม้เหมาะสำหรับเกมรุก
5.น้ำหนักของไม้(Racket Weight) เป็นน้ำหนักรวมของไม้แบดเปล่า
2u-(90-94g)
3u-(85-89g) 4u-(80-84g)
ไม้เบาตีสวิงลูกได้เร็วกว่า การควบคุมหน้าไม้ที่คล่องตัวกว่าง่ายกว่า เหมาะสำหรับการเล่นหน้าตาข่าย เล่นทาง วางลูกพลิกลูกได้คล่องตัวแม่นยำและเน้นรับ
ไม้หนักตีสวิงลูกได้รุนแรงกว่า มีน้ำหนักที่หัวไม้มากกว่า เหมาะสำหรับการเล่นลูกตบที่หนักหน่วงและมีน้ำหนักและทิศทางที่แน่นอน
หากต้องการคุณสมบัติของไม้ที่เบา(4u)และเป็นไม้รุกไปในตัว ควรพิจารณาที่ก้านไม้ ควรเป็นไม้ก้านแข็ง(Stiff) และมีจุดศูนย์ถ่วงเป็นไม้หัวหนัก(Head Heavy) จะทำให้การตีลูกการผลักลูกออกไปมีพลังที่หนักหน่วงรุนแรงและได้ทิศทาง
6.ความตึงของเอ็น ค่าสูงสุดที่ไม้รับได้ (String Tension Tolerance) โดยจะแบ่งเป็นแนวตั้ง(Main)แนวดิ่ง(Vertical)กับแนวนอน(Cross)(Horizontal)วัดค่าเป็นปอนด์ โดยแนวตั้งแนวดิ่งจะรับได้น้อยกว่าแนวนอน ไม้ที่เบาจะรับความตึงของเอ็นได้น้อยกว่าเนื่องความบอบบางของเฟรม ตัวอย่างเช่นไม้Victor Supper Nano 5 จะเขียนค่าความตึงของเอ็นไว้ที่โคนไม้ ว่าแนวดิ่ง V:≤28lbs แนวนอนH:≤30lbs ไม้ Dunlop เขียนว่า Max string tension 26lbs
การกำหนดค่าความตึงของเอ็นเวลานำไม้ไปขึ้นเอ็น ย่อมขึ้นกับความเหมาะสมความถนัดของนักแบดแต่ละคน ชนิดขนาดและคุณสมบัติของเอ็นแต่ละชนิดด้วย และการขึ้นเอ็นนั้นมีข้อแนะนำว่าควรขึ้นเอ็นด้วยมือแบบถ่วงน้ำหนัก จะทำให้เส้นเอ็นที่ขึ้นทั้งแนวดิ่ง-แนวนอนมีค่าคงที่เท่ากันทุกเส้น ได้มาตรฐานดีกว่าการขึ้นเอ็นแบบดิจิตอล ขอยกตัวอย่างร้านที่ขึ้นเอ็นด้วยมือและมีชื่อเสียงมานานคือร้านมงคลประดิษฐ์ ย่านบางลำภู
7.ความยาว(Total length) เป็นความยาวของไม้ทั้งหมดวัดจากปลายด้ามถึงหัวไม้ ไม้เล่นคู่ควรเป็นไม้ก้านยาว(long) มีความยาว 675 mm./26.5 inches ส่วนไม้ธรรมดาจะมีความยาวเพียง665 mm./26.0 inches ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการสวิงลูก การแตะลูก การเกี่ยวลูก การสะบัดหน้าไม้ การดาดลูกสวนกลับ ที่กระทำได้ว่องไวและคล่องตัวเพราะการเล่นคู่เป็นเกมที่รวดเร็ว และหนักหน่วง ที่ก้านไม้จะเขียนคำว่าlongไว้
ผมขออนุญาตแนบภาพให้ดูชมกันลองมาดู มีทั้งเฟรมแบบ Isometric จุดศูนย์ถ่วง(Balance Point) ความสามารถในการรับแรงดึงเอ็นสูงสูดของไม้ ลักษณะก้าน(stiffness of shaft) ไม้ก้านยาว (Long) น้ำหนักไม้ ขนาดของด้ามจับ (Grip)
การที่กระผมนำกระทู้นี้มานำเสนอก็มีวัตถุประสงค์ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้มีข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจหาไม้คู่ใจถูกใจเหมาะกับการเล่นของแต่ละคน ปัจจุบันไม้แต่ละค่ายมีหลากหลายรุ่น วัสดุที่ใช้ทำเฟรม ทำก้าน ก็ล้วนไฮเทคโนโลยีทั้งสิ้น มีการแข่งขันกันสูงในการผลิตและการตลาด เราในฐานะผู้บริโภค ผู้ใช้ไม้ จึงได้นำเสนอมาเป็นลำดับ เพื่อเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลพิจารณาเลือกซื้อไม้ได้อย่างคุ้มค่าใช้สำหรับเกมคู่ หรือเกมเดี่ยวไปในตัว เรามาดูศึกษาตัวอย่างของจริงจากภาพที่แนบมาครับ
รูปแรกกล่าวถึงคุณสมัติของไม้ น้ำหนัก ระดับความแข็งของก้านไม้
รูปที่2 ระบุเป็นไม้ก้านยาว 675 mm. ซึ่งไม้ทั่วไปจะมีความยาวเพียง 665mm.
รูปที่3 ระบุที่ก้านว่า Trapped Shaft ตัวก้านไม่เท่ากัน ปลายก้านวัดโดยรอบ 6.5 mm. โคนก้านวัดโดยรอบ 7.5 mm. เพื่อสปริงที่ดีขึ้น
8.ศึกษาพิจารณาวัสดุที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ (Frame and Shaft)
เป็นคุณสมบัติของไม้แบดฯทุกค่ายที่จะนำวัสดุไฮเทคเทคโนโลยี มาประกอบเป็นตัวเฟรมและก้าน ไม้แบดฯแต่ละรุ่นใช้วัสดุผลิตแตกต่างกันทำให้ราคาของไม้แบดฯมีตั้งแต่หลักร้อยถึงเฉียดหมื่นเลยที่เดียว ทำให้นักแบดฯต้องศึกษามีความรู้เกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ เพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดฯได้อย่างคุ้มค่าสมราคา และถูกใจถูกมือ เมื่อได้ใช้ไม้แบดฯได้สัมผัสไม้แบดฯด้วยตนเองในสนาม ในการวางลูก ตบลูก การรับลูก การโยน จังหวะการตอบโต้ เป็นต้น
ไม้แบดฯรุ่นท้อปของแต่ละค่ายในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นของ Yonex Victor Wilson จะใช้ไฮเทคโนโลยี่ที่เรียกว่า Nano Technology วิศวกรแร็กเกตของแต่ละค่ายก็ได้พัฒนาคิดค้นนำอนุภาคเล็กๆจากเทคโนโลยี่มาอัดเชื่อมช่องว่างระหว่างCarbon fibers โดยเฉพาะที่หัวไม้และก้านไม้ให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น และยืดหยุ่นได้ดียิ่งขึ้น มากกว่าไม้แบดฯทั่วๆไป เป็นไม้แบดฯเหมาะสำหรับผู้เล่นถนัดเกมรุก สามารถเพิ่มแรงตบได้มากยิ่งขึ้น ไม้ที่ใช้ไฮเทคโนโลยี่ Nano ก็จะใช้ชื่อรุ่นโดยมีคำว่า Nano อยู่ด้วย เช่น SuperNano ของ Victor Ncode ของ Wilson Nano Speed ของYonexเป็นต้น
วัสดุหลักที่ใช้ทำเฟรมและก้านไม้ก็จะเป็นพวก อลูมิเนียม กราไฟท์ยืดหยุ่นสูง นาโนคาร์บอน และไททาเนียมที่เสริมความแข็งแกร่ง ทำให้ไม้แบดฯ มีความยืดหยุ่น และการดีดตัวของหัวไม้ที่รุนแรง
ไม้แบดฯรุ่นใดที่มีส่วนผสมของไททาเนียมที่หัวไม้ เฟรมหรือก้านไม้ จะมีคำว่า "Ti"ที่บริเวณและส่วนของไม้ดังกล่าวด้วย
9.สังเกตจากเลขรหัสที่ปลายก้านไม้และที่กรวยด้ามจับ จะใช้แสงเลเซอร์ยิง ไม้แบดฯที่จัดจำหน่ายในประเทศไทยของแต่ละค่าย จะมีรหัสคำว่า TH=Thailand และมีหมายเลขรหัสของไม้แบดฯ หรือรหัสที่ต้องการสื่อความหมายวัน/เดือน/ปี ที่ผลิต อะไรทำนองนี้แหละครับ ควรศึกษาจากข้อสังเกต ของแท้ และของเทียมเลียนแบบของไม้แบดฯด้วย โดยเฉพาะไม้แบดฯค่ายดังอย่างYonex
10. รูปร่าง สีสัน อันนี้เป็นข้อสังเกตเกี่ยวข้องกับไม้แบดฯของแท้ ของเทียมเลียนแบบ ได้ประการหนึ่ง นักแบดฯควรศึกษาและสังเกตหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆเช่นจากเพื่อนๆสมาชิก จากแคทตาล็อคในเว็ปบอร์ดต่างๆ
11.ราคา เมื่อตัดสินใจจะเลือกใช้ไม้แบดฯค่ายใด รุ่นใด ราคาส่วนใหญ่จะไม่แตกต่างกันมากนักของร้านค้าต่างๆย่านหลังสนามกีฬาฯ หรือตัวแทนจำหน่าย ควรซื้อจากร้านค้า หรือตัวแทนที่เชื่อถือไว้ใจได้ และมีบริการเรื่องรับประกันหรือไม่ หากเกิดปัญหาเช่นเฟรมร้าว หัก สามารถเคลมได้หรือเปล่า
และถ้าหากมีโอกาสได้สัมผัส ได้ทดลองใช้ไม้แบดฯ ตีลูกทดสอบด้วยตนเองก็จะเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อไม้แบดสำหรับตีคู่ได้อย่างวิเศษยิ่ง ขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆสมาชิกทุกท่านที่สนใจติดตามกระทู้ของกระผมเสมอมา ครับผม