สวัสดีครับมวลประชาสมาชิก TBW ที่เคารพ-รักทุกท่าน ที่ได้ติดตามอ่านศึกษากระทู้นี้เสมอมาครับ ก็ยังมีประเด็นสำคัญอื่นๆอีกครับ ก่อนหน้านี้ได้นำเสนอเทคติกการเสิร์ฟ-รับลูกเสิร์ฟและการตบมาแล้ว ลำดับจากนี้จะได้นำเสนอเทคติกการรับลูกตบ จากในหนังสืออาจารย์เจริญ วรรธนะสินกล่าวว่า
" ในขบวนลูกต่างๆของแบดมินตัน ถ้าเปรียบเทียบการตีลูกเป็นขนาดของกระสุนปืน ลูกตบอาจจะจัดอยู่ในจำพวกกระสุนปืนใหญ่ ออกจากลำกล้องด้วยเสียงอันดังสนั่น และพุ่งตัวตามวิถีมาด้วยความรวดเร็วและรุนแรง มีความเร็วถึงประมาณ 110ไมล์ต่อชั่วโมง จึงเป็นลูกที่รับยากที่สุดลูกหนึ่งของเกมแบดมินตัน ถ้าเป็นลูกตบที่ตีจากกึ่งกลางหรือหน้าตาข่ายของสนามตรงกันข้าม สภาพการณ์จะไม่ผิดอะไรกับการรับฟุตบอลจากจุดโทษเลย ถ้ามองกันให้ลึกซึ้ง การรับลูกตบเป็นการท้าทายที่น่าตื่นเต้นสำหรับ ผู้เล่นมากที่เดียว แม้ว่าผู้รับจะอยู่ในสภาพแห่งความคับขัน ต้องคอยแก้ไขสถานการณ์ที่เสียเปรียบ แต่การที่ผู้เล่นสามารถปัดเป่าฐานะความคับขันให้รอดพ้นไปได้ จะสร้างความพอใจให้กับตนเอง มากๆพอกับความสนุกตื่นเต้นที่ได้รับจากเกมการเล่น มีผู้เปรียบเทียบกันว่า การรับลูกตบเหมือนกับการเผชิญหน้ากับเสือลายพาดกลอน ถ้ารู้จักข่มความกลัวและคุมสติให้มั่นคง เสือร้ายที่ว่าดุ แสนดุ สัญชาตญาณจะสอนให้มันรู้จักลังเลดูท่าที่จนมีคำพังเพยที่บอกว่า ให้ทำใจดีสู้เนือ คำเปรียบเทียบที่ว่านี้ อาจจะนำมาใช้สำหรับเป็นหลักการรับลูกตบในเกมแบดมินตันได้ดีทีเดียว
สวัสดีครับมวลประชาสมาชิก TBW ที่เคารพ-รักทุกท่าน ที่ได้ติดตามอ่านศึกษากระทู้นี้เสมอมาครับ ก็ยังมีประเด็นสำคัญอื่นๆอีกครับ ก่อนหน้านี้ได้นำเสนอเทคติกการเสิร์ฟ-รับลูกเสิร์ฟและการตบมาแล้ว ลำดับจากนี้จะได้นำเสนอเทคติกการรับลูกตบ จากในหนังสืออาจารย์เจริญ วรรธนะสินกล่าวว่า ลูกตบที่พุ่งมาทางด้านขวาของลำตัว ให้หันตัวไปทางขวาเล็กน้อย พร้อมกับวางเท้าขวาไว้ด้านหลัง เพื่อหลีกทางให้แก่แร็กเก็ตได้มีโอกาสเหวี่ยงรับลูกตบได้ถนัด แรงตีลูกจะมาจากการเหวี่ยงแขนและแรงตวัดข้อมือ ลูกตบที่พุ่งมาทางด้านซ้ายของลำตัว ให้หันตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย พร้อมกับวางเท้าซ้ายไว้ด้านหลัง เพื่อหลีกทางให้แก่แร็กเก็ตได้มีโอกาสเหวี่ยงรับลูกตบได้ถนัด แรงตีลูกจะมาจากการเหวี่ยงแขนและแรงตวัดข้อมือ ทั้งสองกรณีดังกล่าวข้างบนนี้ บางครั้งการจัดฟุตเวิร์คในเวลาจำกัด ทำให้ผู้เล่นดึงขาหลบออกทางด้านหลัง และยืนตีลูกโดยที่เท้าอีกข้างหนึ่งยังไม่ได้สัมผัสพื้นสนาม ซึ่งนับได้ว่ามีผลดีไม่ผิดวิธีการแต่อย่างใด เมื่อลูกตบที่พุ่งเข้ามาหา หากผู้รับยืนเตรียมพร้อมเพื่อรับลูกตบ โดยไม่ควรตั้งท่าคอยรับลูกที่จะมาทางด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะบางครั้งคู่แข่งขันอาจมีเป้าหมายตบลูกที่พุ่งเข้าหาลำตัวของเรา การฟุตเวิร์กนั้นจะช่วยให้ตีลูกได้ถนัด ซึ่งบางครั้งลูกที่มีความรุนแรงและรวดเร็วมาก การฟุตเวิร์กจะใช้เพียงเอี้ยวตัวโดยไม่ต้องก้าวเท้าก็ได้ โดยปกติแล้วการรับลูกตบจะนิยมรับด้วยการตีลูกหลังมือมากกว่า เพราะมีมุมการตีได้กว้างมากกว่านั่นเอง ดูจากภาพเพิ่มเติม
ภาพที่1 การรับลูกตบที่มาทางด้านหน้ามือ
ภาพที่2,3 การรับลูกตบที่มาทางด้านหลังมือ
สวัสดีครับมวลประชาสมาชิก TBW ที่เคารพ-รักทุกท่าน ที่ได้ติดตามอ่านศึกษากระทู้นี้เสมอมาครับ ก็ยังมีประเด็นสำคัญอื่นๆอีกครับ ก่อนหน้านี้ได้นำเสนอเทคติกการเสิร์ฟ์-การรับลูกเสิร์ฟ/การตบ-การรับลูกตบ จากในหนังสืออาจารย์เจริญ วรรธนะสินมาแล้ว อาจารย์ท่านได้เขียนบรรยายไว้อย่างละเอียดทุกแง่มุม นับเป็นคุณูประการสืบสานเอื้อประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังได้อ่านศึกษากัน ซึ่งกระผมใคร่ขออนุญาตนำมาถ่ายให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ มวลสมาชิก TBW ได้ศึกษากัน และขอกราบพระคุณอาจารย์เจริญ วรรธนะสิน มาณที่นี้ด้วย...ครับ และยังมีประเด็นหนึ่งที่ใคร่ขออนุญาตกลับมาทบทวนกันใหม่อีครั้งในเรื่องการตบลูกในลักษณะครึ่งตบครึ่งตัดกัน/ครับ
ผมขออนุญาตไขข้อสงสัยเลยนะครับ กระผมขออ้างอิงจากหนังสือมาเล่นแบดมินตันกันเถอะ ของท่านอาจารย์เจริญ วรรธนะสิน หน้า 43 ท่านเขียนไว้ว่า ลูกครึ่งตบครึ่งตัด
"ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว การตบลูกต้องใช้แรงตีลูกหนักบ้างเบาบ้าง ตบลง ณเป้าหมายต่างๆสลับกันไป อย่าให้คู่แข่งจับทางหรือวิถีของลูกได้ ลูกครึ่งตบครึ่งตัด หรือที่เรียกันว่า ลูกท้อปสะปิ่น (Topspin)ก็เป็นลูกหนึ่งที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว เป็นลูกที่ข้ามตาข่ายไปด้วยความเร็วมากกว่าข้ามไปด้วยความรุนแรง ลูกครึ่งตบครึ่งตัดเป็นการตบทแยงสนามเป็นส่วนมาก ตบตวัดลูกจากซ้ายไปขวาและจากขวาไปซ้าย ผู้เล่นต้องตบลูกในระดับสูง ซึ้งบางครั้งอาจจะต้องกระโดดตัวเพื่อเพิ่มความเร็วและมุมตีลูกให้มีความลึกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวินาทีที่คู่ต่อสู้กำลังเสียหลักการทรงตัว หากเป็นลูกตบทแยงมุมส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายเลยไปด้านหลังสนาม แต่ลูกครึ่งตบครึ่งตัดจะช่วยให้ลูกมีความลึกค่อนมาทางด้านหน้าตะข่าย ทำให้คู่ต่อสู้ตีลูกไม่ถึง หรือตีด้วยความไม่สะดวก"
ขออนุญาตขยายความอีกครั้งหนึ่ง ครับ การจะตีลูกTopspin นั้นมักเป็นลูกที่คู่ต่อสู้จะงัดโด่งลึกมายังท้ายสนาม พอวิถีลูกลดความเร็วลงแล้ว ลูกขนไก่มันจะทิ้งดิ่งตั้งฉากลงสู่พื้นสนาม และเสี้ยววินาทีนี้แหละ นักแบดมินตันจะใช้เทคติกการตีลูกTopspin โดยวางหน้าไม้แบบเฉียงๆประมาณๆ45องศาพร้อมตวัดสะบัดข้อมือพยายามให้หน้าไม้ซึ่งมีเอ็นขึงอยู่กระทบกับส่วนปีกของลูกขนไก่ไปพร้อมๆกับหัวจุกก๊อก วิถีของลูกขนไก่มันจะเร็วและหมุน มุดตัวลงสู่พื้นด้วยความรวดเร็วมาก คู่ต่อสู้รับยาก มักใช้ลูกTopspin ให้ลงชิดใกล้หน้าตาข่ายทั้งด้านซ้ายและขวาเป็นส่วนใหญ่ ลูกTopspin นี้มักนิยมเล่นเดี่ยวมากกว่าประเภทคู่ หากใช้ในการเล่นคู่มักใช้โจมตีกลางตาข่ายขณะที่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามยืนแยกเป็นซ้าย-ขวา และการใช้ลูกTopspin นั้นนักแบดมินตันมักจะกระโดดเทคตัวในการตีด้วย
นักแบดมินตันมักใช้ลูกTopspinนี้หลอกล่อคู่ต่อสู้ ครับ เพราะนักแบดมินตันที่ชอบกระโดดตบจากแดนหลังได้ดี เขามักใช้ลูกTopSpinสลับกับการตบควบคู่กัน ในกรณีนี้นักแบดมินตันจะใช้เป็นการรุกเพื่อให้คู่ต่อสู้ตกเป็นฝ่ายรับ แล้วจึงใช้ลูกตบซ้ำดาบสองตาม ทำให้สามารถพิชิตคู่ต่อสู้ได้อย่างเด็ดขาด
การได้เห็นตัวอย่างจริงในสนามการแข่งขันหรือสนามฝึกซ้อมจริงคงจะทำให้เราคลายข้อสงสัยในเรื่องนี้ได้ครับ หากสมาชิกท่านมีรายละเอียดเพิ่มเติมก็แสดงความคิดเห็นมานะครับ ยิ่งจะเป็นการดี เพราะเป็นประโยชน์อันไพศาลต่อมวลสมาชิกที่รักเคารพทุกๆท่าน/ครับ
ยินดีครับ ที่เพื่อนๆสมาชิกTBW ให้เกียรติให้ความสนใจอ่านศึกษากระทู้นี้เสมอมา เนื่องด้วยใจรักกีฬาลูกขนไก่ มีสิ่งดีๆอะไรก็นำเสนอตลอดมา ด้วยใจสมัครปรารถนาใช้เวทีนี้เปิดกว้างเพื่อถ่ายทอด/แลกเปลี่ยนประสบการณ์มุมมอง อันอาจจะเป็นสาธารณประโยชน์อันไพศาลที่ดีต่อน้องๆในกลุ่มเยาวชนที่มีจิตสมัครรักกีฬาลูกขนไก่ จะได้มีแนวทางพัฒนาฝีมือให้ไต่ระดับสูงยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการเรียนกับครูฝึก/คำแนะนำจากรุ่นสู่รุ่น/ประสบการณ์จริงๆในสนาม
หนังสือ"มาเล่นแบดมินตันกันเถอะ" ของท่านอาจารย์เจริญ วรรธนะสิน ยังมีรายละเอียดในประเด็นอื่นๆอีก จะได้นำเสนอเป็นลำดับต่อไป เวลานำเสนอกระผมพยายามหาภาพมาประกอบทุกๆประเด็น ซึ่งต้องใช้เวลา สืบค้นเสาะแสวงหากันพอสมควร
ซึ่งกระผมมีจิตคารวะชื่นชอบศรัทธา ท่านอาจารย์เจริญ วรรธนะสิน มาตั้งแต่วัยเด็ก เมื่อครั้งท่านเป็นตัวแทนทีมชาติไทยลงสู้ศึกเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 5 ปี 2509 และขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มา ณที่นี้ด้วยครับ
สวัสดีครับมวลประชาสมาชิก TBW ที่เคารพ-รักทุกท่าน ที่ได้ติดตามอ่านศึกษากระทู้นี้เสมอมาครับ ก็ยังมีประเด็นสำคัญอื่นๆอีกครับ ก่อนหน้านี้ได้นำเสนอเทคติกการเสิร์ฟ์-การรับลูกเสิร์ฟ/การตบ-การรับลูกตบ จากในหนังสืออาจารย์เจริญ วรรธนะสินมาแล้ว อาจารย์ท่านได้เขียนบรรยายไว้อย่างละเอียดทุกแง่มุม นับเป็นคุณูประการสืบสานเอื้อประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังได้อ่านศึกษากัน ซึ่งกระผมใคร่ขออนุญาตนำมาถ่ายให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ มวลสมาชิก TBW ได้ศึกษากัน และขอกราบพระคุณอาจารย์เจริญ วรรธนะสิน มาณ ที่นี้ด้วย...ครับ เด็กรุ่นใหม่อาจไม่ทราบว่า อาจารย์เจริญ วรรธนะสิน นั้นเคยเป็นรองแชมป์แบดมินตันออลอิงแลนด์ ถึงสองสมัยคือ 49_1960 – เออร์แลนด์ คอปส์ (เดนมาร์ค) ชนะ เจริญ วรรธนะสิน (ไทย) 50_1961 – เออร์แลนด์ คอปส์ (เดนมาร์ค) ชนะ ฟินน์ คอบบีโร (เดนมาร์ค) 51_1962 – เออร์แลนด์ คอปส์ (เดนมาร์ค) ชนะ เจริญ วรรธนะสิน (ไทย) ในยุคนั้นถือได้ว่าวงการแบดมินตันไทยเราฟูเฟื่องมากทีเดียว และมาดูโฉมหน้า เออร์แลนด์ คอปส์ (เดนมาร์ค)คู่ปรับของท่านอาจารย์เจริญ วรรธนะสิน
หากข้ามมาสู่ยุคนี้เด็กๆรุ่นใหม่ หากทราบแต่ หลินตัน และคนอื่นๆเท่านั้น หากหันกลับมองย้อนสู่อดีตอันเป็นตำนานกีฬาลูกขนไก่ของสยามประเทศละก้อ ทุกๆคนที่รู้ที่ทราบจะภาคภูมิใจในเกียรติภูมิที่บรรดานักแบดมินตันรุ่นอาวุโสได้สั่งสมไว้เป็นตำนานของแผ่นดินนี้ทีเดียว/ครับ
สวัสดีครับมวลประชาสมาชิก TBW ที่เคารพ-รักทุกท่าน ที่ได้ติดตามอ่านศึกษากระทู้นี้เสมอมาครับ และยังมีประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจติดตามคือ เรื่องลูกหยอด ในมุมมองส่วนตัวแล้วเป็นลูกที่มีมนต์ขลัง เสน่ห์ในตัวที่เดียวมากกว่าการเล่นในลูกในลักษณะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกตบ/ลูกดาด/ลูกโยนโด่ง เป็นลูกที่ต้องอาศัยเทคติกฝีมือ/ทักษะ/การใช้ข้อมือ/การวางหน้าไม้/น้ำหนักของการตีลูก/จังหวะการฟุตเวิร์ค ทุกอย่างต้องลงตัวพอเหมาะพอเจาะ จึงจะกระทำได้อย่างเนียนลงตัว
........กว่าที่นักแบดมินตันจะตีตัดลูกหยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้เวลาประสบการณ์การฝึกฝนมาอย่างยาวนานทีเดียว ลูกหยอดเป็นสร้างสรรค์รูปเกมส์การเล่นแบดมินตันให้ตื่นตาตื่นใจได้อย่างวิเศษ
ในมุมมองส่วนตัวแล้ว การเล่นลูกหยอดกับการเล่นลูกหลังมือ(โยนโด่งลึก/แตะหยอด/ลูกตบ) การเล่นลูกดังกล่าวนี้ หากนักแบดมินตันคนใด สามารถเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสมือนนับได้ว่าพระเจ้าได้ประทานพร...มอบให้คุณปานนั้น....เลยเชียว เป็นที่ประทับใจของเหล่าบรรดานักตบลูกขนไก่ด้วยกันและเหล่าบรรดาผู้ชมรอบสนามที่คอยเป็นกำลังใจให้....
*การหยอดลูกต้องให้เลียดชิดตาข่าย โดยหงายหน้าไม้ให้มาก*
การตีลูกหยอดมิได้ใช้แรงตีที่รุนแรงเหมือนลูกตบ หรือลูกดาด ความเร็วของลูกหยอดที่บินข้ามตาข่ายจึงไม่รวดเร็วตามไปด้วย ผู้เล่นจึงต้องใช้ลูกหยอดในสถานการณ์ที่เหมาะสม อย่าให้คู่ต่อสู้รู้ตัว หรืออ่านเป้าหมายการหยอดลูกได้ล่วงหน้า โดยเพาะอย่างยิ่ง ลูกแตะหยอดจากส่วนหลังของสนาม วึ่งมีระยะทางวิ่งของลูกไกลกว่าลูกหยอดอื่นๆ ถ้าความเร็วของลูกมีไม่พอ หรือคู่ต่อสู้คาดคะเนเป้าหมายการตีได้ถูกต้อง ก็อาจจะวิ่งเข้าดักและตะปบลูกหน้าตาข่ายได้
การใช้ลูกหยอดควรใช้ให้ถูกโอกาส และจะใช้ก็ต่อเมื่อแน่ใจว่าคู่ต่อสู้มิได้คาดหมายว่าลูกกำลังจะตีโต้กลับไปนั้นเป็นลูกหยอด หรือใช้ในขณะที่คู่ต่อสู้เสียหลักอยู่ด้านหลังหรืออีกซีกหนึ่งของสนาม
ถึงแม้ว่าลูกหยอดมีวิถีวิ่งไม่เร้ว แต่ระยะทางวิ่งจากจุดตีนับจากส่วนหลังของสนามถึงบริเวณตาข่ายมีเพียงประมาณ 20ฟุต หรือเกือบครึ่งสนาม การตีลูกจิกลงจึงมีระยะทางสั้นกว่าการตีลูกโยนสุดสนาม ลูกจะตกถึงพื้นสนามในเวลาที่สั้นกว่าลูกโยนโด่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ลูกแตะตัดหยอดจึ่งเป็นลูกที่สามารถทำคะแนนได้จากการ"หลงทาง" เพราะคาดคะเนเป้าหมายผิดของคู่ต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกแตะตัดสองมุมหน้า ถ้าท่านใช้ด้วยความชำนาญตีลูกด้วยความแม่นยำ จะสร้างความปั่นป่วนให้คู่ต่อสู้ เพราะไม่ทราบว่าลูกหยอดที่จะข้ามตาข่ายไปนั้น เป็นลูกตัดหยอดที่ลงมุมซ้ายหรือมุมขวาของสนามกันแน่