ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 ม.ค.64 ปิด 1,468.51 จุด ลบ 29.62 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 92,614.64 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,249.38 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด EA ปิด 63.50 บาท ลบ 4.75 บาท, SCC ปิด 381 บาท ลบ 11 บาท, PTT ปิด 38.50 บาท ลบ 0.75 บาท, KBANK ปิด 122.50 บาท ลบ 3 บาท และ GPSC ปิด 78 บาท ลบ 3.50 บาท

หุ้นไทยลงแรงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯให้คงอัตราดอกเบี้ย แม้เป็นไปตามที่คาด แต่กลับไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆออกมาเพิ่มเติม ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงและทำกำไรมาถือเงินสด รอดูสถานการณ์และปัจจัยบวกใหม่ๆหนุนตลาด

บล.เอเซียพลัสประเมิน Flow ต่างชาติที่ไหลออกจากเอเชียในระยะสั้น จาก 3 ประเด็น คือความกังวล Fed จะส่งสัญญาณ QE Tapering, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีก จนต่ำกว่า 0% ซึ่งส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงสู่สินทรัพย์ปลอดภัยในระยะสั้น สังเกตได้จากตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรงวันก่อน และ IMF ปรับลดประมาณการ GDP ลงเหลือ 2.7% จากเดิมคาด 4% เป็นส่วนหนึ่งที่กดดันให้ต่างชาติขายหุ้นไทยมากสุดในภูมิภาค

แต่ฝ่ายวิจัยฯ คาด Fund flow จะไหลเข้าในระยะถัดไป จาก 3 ประเด็น ดังนี้ ประเด็น QE Tapering ที่มีสัญญาณผ่อนคลายลง โดยผลการประชุมล่าสุด ได้ผลลัพธ์ว่าคงดอกเบี้ยที่ 0.5% และไม่ส่งสัญญาณถึงการทำ QE Tapering และนักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าเร็วสุดที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่ในปีนี้

และแม้ IMF ปรับลดตัวเลข GDP ปี 64 ของไทยลงมาเหลือ 2.7% (แต่ยังใกล้เคียงกับหลายสำนักที่คาดการณ์อยู่ในช่วง 2-2.5% โดย ASPS คาดโต 2.5%) และการควบคุม COVID-19 ได้ดี บวกกับจะเริ่มมีการฉีดวัคซีนเดือน ก.พ.นี้แล้ว น่าจะส่งผลให้ Downside ค่อนข้างจำกัด

หลังไทยได้มีการฉีดวัคซีนเดือน ก.พ. น่าจะเห็น Fund Flow ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น สรุปคือภาพระยะสั้น Fund flow อาจชะลอบ้าง ทำให้ SET Index ทรงตัวในกรอบแคบ แต่ภาพรวมระยะถัดไปจะค่อยๆดูดีขึ้นและเห็น Fund flow ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง ซึ่งตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาต่างชาติยังซื้อสุทธิหุ้นไทยอยู่ 3 หมื่นล้านบาท

หุ้นรายตัวแนะนำ BAM แนวโน้มธุรกิจจะฟื้นชัดเจนในปี 64 แนะนำซื้อให้ FV ปี 64 ที่ 26 บาท!!