สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน ต้องขออภัยทุกท่านด้วยที่หายศรีษะไปนาน หลังจากที่เคยมีการถกกันในบอร์ดในเรื่องของคุณภาพของเอ็นแบรนด์Yonex ที่จำหน่ายในประเทศบ้านเกิด(ญี่ปุ่น) มีคุณภาพดีกว่าที่ว่งมาขายในบ้านเรานั้น วันนี้ผมจะมาไขข้อสรุป(ส่วนบุคคล)ให้ฟังดังนี้ครับ
ตามสีของซองทั้ง2ที่ รุ่นนี้ใช้สีฟ้าครับ นี้นก็หมายความคราวๆว่า เอ็นรุ่นนี้เด่นเรื่องpower ขายความสปิงตัวของเอ็นเป็นหลัก Feelingเป็นMediumครับ
*ข้อมูลผู้รีวิว : ตีเกมเป็น ยืนคอร์ดถูก เซฟถึงหลัง แบ็คถึงหลัง(ถ้าไม่ขี้เกียจ) ตบจิก บ้าพลัง วางลูกสุนัขไม่รับประทานครับ & ตีเกมเป็น ยืนคอร์ดถูก เซฟถึงหลัง แบ็คถึงหลัง ตบพอได้ แรงพอประมาณ วางลูกสุดติ่ง
**ข้อมูลอุปกรณ์ที่ใช้รีวิว : ไม้Kason Twister F9 LTD(รุ่นมีดาว) เอ็นสีขาว ความตึง28ปอนด์ ขึ้นที่เซ็นทรัลพระราม9 คนขึ้นไม่รู้(สั่งไว้แล้วไปซื้อของ) เครื่องที่ใช้ขึ้นYonexสีขาว(ไม่ได้จำรุ่น) ไม่รองหนัง ไม่เว้นโปร ถอดกริปเดิมออก พันด้ามบางๆ2ชั้น ลูกRsl Silver/Yonex Aerosensa 20
***ปกติผมใช้เอ็นYonex BG80 28ปอนด์
ก่อนลงสนาม : เมื่อเอานิ้วสัมผัสกับเส้นเอ็น เอ็นญี่ปุ่นมีความสากและกลิ่นที่ฉุนกว่าเอ็นไทยพอสมควรเลยครับ และเอ็นญี่ปุ่นจะคล้ายกับว่ามีขนาดใหญ่กว่าหน่อยด้วย(สัมผัสจากนิ้วมือ จากบุคคล4คน)
แรกสัมผัส : หลังจากวอร์มร่างกายพอสมควร
-เอ็นญี่ปุ่นลงน็อคลูก ความรู้สึกแรกที่ได้แน่ๆคือ กระด้างสุดๆ สะเทือนถึงหัวไหล่มากครับ เวลาเซฟลูกวิ่งดี
-เอ็นไทยลงน็อคลูก ความรู้สึกนุ่ม สบาย เซฟดูได้ดีเช่นกัน
ลงเกมส์ : แบบคู่ ไป-กลับ 21แต้ม คู่สู้สี
Repulsion Power
-เอ็นญี่ปุ่น ก็ตามสเปคเลยครับ เร่งสปีดต้นของลูกได้ดี เวลาตบ ดาด กระแทกลูกมีความเร็วที่มากขึ้นแบบเห็นได้ชัด
-เอ็นไทย ความรู้สึกผมผมว่าทุกด้านในเรื่องของสปีด ด้อยกว่าเอ็นญี่ปุ่นพอควร แต่เพื่อนบอกไม่เห็นต่างอะไร
Durability
-เอ็นญี่ปุ่น ผ่าน1เดือน ยังอยู่ดีมีความสุขครับ ไม่มีร่องรอยความพิการขึ้นขุ้ย
-เอ็นไทย อีก2วัน ก็จะครบเดือน ลาจากผมไปเรียบร้อย(ในส่วนนี้ เพื่อนตีขาดครับ ถ้าผมใช้คนเดียวรับรองยังอยู่)
Hitting Sound
-ทั้ง2เส้น ให้เสียงแบบใสๆ กรุ้งกริ้ง ถ้าอยากได้เสียงแบบปืนใหญ่ มองข้ามเอ็นรุ่นนี้ไปครับ
Shock Absorption
-เอ็นไทยนะใช่ แต่เอ็นญี่ปุ่นไม่เลยครับ เอ็นญี่ปุ่นต้องใช้เวลานวดพอควร ถึงจะลดความสั่นสะเทือนลงไป
Control
-ผมและเพื่อนให้ความคิดเห็นเหมือนกันคือ เอ็นญี่ปุ่นดีกว่า เวลาตัด เซฟขนานเส้น เอ็นญี่ปุ่นวิธีลูกนิ่งกว่า แต่เอ็นไทยก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก
สรุป
เอ็น2เส้นนี้ โดยหลักๆจะไม่ได้แตกต่างกันแบบฟ้า เหวครับ แต่ต่างกันแค่เพียงบางจุดเล็กน้อยในเรื่องของประสิทธิภาพนิดหน่อยเท่านั้น
เรื่องของราคาผมมองว่าข้อนี้ต่างกันพอควรเอ็นญี่ปุ่นราคา400บาทอัพ แถมโดนค่าขึ้นเอ็นอีก50บาท แต่ถ้าเป็นเอ็นไทยก็230บาท ประหยัดไปได้มาทีเดียว ส่วนใครที่ทุนทรัพย์ไม่ใช่ปัญหาก็แล้วแต่ชอบครับ
ความรู้เพิ่ม
ผมเพิ่งทราาบจากบุคคลที่มีความสันทัดในการนำเข้าอุปกรณกีฬาแบดมินตันค่ายดัง ว่าเอ็นญี่ปุ่นจะหนาและกระด้างกว่าเอ็นไทยไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอากาศที่ญี่ปุ่นมีความชื้นมาก(หนาว) จึงต้องเคลือบสารให้หนาเพื่อทนต่อสภาพอากาศและลูกที่ค่อนข้างหนัก
ปล.หวังว่าReviewนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะครับ ผมคนนึงที่สูบความรู้มานาน พอมีโอกาสได้ลองเลยขอแบ่งปันบ้าง และนี้ก็เป็นรีวิวครั้งแรกของผม ถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือประสบการ์ไม่ตรงกัน ถกกันมาได้เลยครับ ผมอยากได้ประสบการณ์เพิ่มเหมือนกัน วันนี้ขอตัวลาไปก่อนครับ สวัสดี