มีพูดถึงเรื่องการเป็นตะคริวด้วยนะพี่ริ่ง หุหุ ลองไปอ่านดูละกัน คิมภัยร้ายมันฝรั่งทอด มันฝรั่งทอด คุกกี้กรอบๆ หรือขนมสำเร็จรูปในถุงสวยๆ ทั้งหลายไม่ได้ทำให้อ้วนหากออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมปริมาณอาหารที่กินในแต่ละวันแต่อาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยไขมันชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายทำให้มีโอกาสเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็งมากขึ้น... ที่มา : Are You Getting Enough Fat?"By Colleen Pierre, R.D. Reader's Digest, 2001
ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิด ทำให้กระดูกบางลงได้นำไปสู่ปัญหากระดูกพรุนเมื่อแก่ตัวลง ดังนั้นหากจำเป็นต้องกินหรือฉีดยาเหล่านี้ก็อย่าลืมหมั่นกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงเช่น ผักใบเขียวเข้ม ปลาเล็กปลาน้อย ฯลฯหรือทานแคลเซียมเสริมไว้ด้วย... ที่มา : Canadian Medical Association Journal, October 2001
ผู้หญิงชอบดื่มพึงระวัง คุณผู้หญิงที่ชอบดื่มพึงระวังเพราะร่างกายคุณจะซึมซับแอลกอออล์ได้เร็วกว่าผู้ชาย ( เมาเร็วกว่า)แล้วคุณยังมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ดื่มถึง 50%แถมยังกระดูกเปราะกว่ากันมากเพราะเหล้าจะเข้าไปทำลายเนื้อกระดูก(bone mass) ของคุณ...
ที่มา : Rethinking Drinking" Reader's Digest, December 2001
นั่งรถตรงไหนปลอดภัยที่สุด นั่งรถเก๋งที่เบาะหลังตรงกลางปลอดภัยที่สุดรองลงมาคือ ที่นั่งด้านหลังทางซ้าย (หลังคนนั่งข้างคนขับ)เพราะตามสถิติอุบัติเหตุจะเกิดทางด้านหน้า และ ด้านคนขับมากกว่าและหากมีคนนั่งรถไปกับคุณด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะลด อันตรายจากอุบัติเหตุการชนด้านหน้ารถลงไปด้วย..
ที่มา : The Seattle Times, November 11, 2001(ข้อมูลจาก http://www.thaihealth.or.th/th/index_th.php )
ทานกะหล่ำปลีดิบมีพิษนะ ในกะหล่ำปลีดิบจะมีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน (Goibrogen)ซึ่งเป็นสารที่จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีนไปสร้างเป็น ฮอร์โมนไทร๊อกซิน (Thyroscine) ได้ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอกแต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ โดยการต้มจึงควรรับประทานกะหล่ำปลีสุกจะดีกว่ากะหล่ำปลีดิบ
ถั่วงอกดิบมีโทษครับ ในผักสดบางชนิดมีสารพิษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น ในถั่วงอกมีสารพิษพวกที่เรียกว่าไฟเตต ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหารทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นเข้าร่างกายร่างกายจะเป็นโรคขาดแร่ธาตุสารพิษเหล่านี้สามารถทำลายได้โดยการต้มจึงควรรับประทานถั่วงอกสุขดีกว่าถั่วงอกดิบ
วิธีป้องกันตะคริว ตะคริวเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่การดื่มน้ำและ รับประทานผลไม้สดมากๆจึงช่วยลดการเป็นตะคริวได้... ที่มา : Health& Fitness Column, Detroit News,August 22, 2001
อดนอนบ่อยๆ ระวังเป็นเบาหวาน ร่างกายที่ไม่ได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มจะใช้อินซูลินได้น้อยลงคนอดนอนบ่อยๆ จึงมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานสูงกว่าปกติ... ที่มา : The Seattle Times, July 22, 2001
ตรวจฉี่ด้วยตัวเอง ร่างกายแต่ละคนต้องการน้ำไม่เท่ากันแพทย์แนะนำว่าควรดื่มมาก พอที่จะถ่ายปัสสาวะได้ทุกๆ 3-4 ชั่วโมงหากปัสสาวะคุณเป็นสีเหลือง เข้มกว่าปกติ แสดงว่าคุณกำลังขาดน้ำ... ที่มา : Health & Fitness Column, Detroit News, August 22, 2001
เนยแท้ vs เนยเทียม เนยแท้ๆ ที่ทำมาจากนม อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายกว่าเนยเทียมหรือมาร์การีนซึ่งไม่มีประโยชน์เลยแถมเป็นพิษต่อร่างกายอีกต่างหากแต่ไม่ควรจะบริโภคเนยให้มากนักเพราะมากไปก็ทำให้เป็นโรคหัวใจ และความดันได้ง่าย...
วิธีชะลอความแก่ 7 ประการ เรื่องความชราที่มาเยือนนั้นเป็นไปตามวัยก็จริงแต่หนุ่มสาวสมัยนี้กลับ "แก่ก่อนวัย"ถึงเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า "ทุกอย่างนั้นอยู่ที่ใจ"เคล็ดลับเหล่านี้ได้จาก น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์สูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ๑.ต้องไม่อยากแก่.. ต้องตั้งใจคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวเอาไว้และต้องปฏิบัติควบคู่ไปทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ๒.มีใจเป็นหนุ่มสาว..คือ รักอิสระ มองโลกในแง่ดีและที่สำคัญมีความหวังเสมอหรือการคบเพื่อนที่อายุน้อยกว่าก็เป็นวิธีการที่ดี ๓.ลดความเครียด..เลิกเอาคิ้วผูกโบได้แล้ว ลองยิ้มให้มากขึ้นถ้าไม่รู้จะยิ้มอย่างไรก็ลองยิ้มกับกระจกเงาที่บ้านดูสิ ๔.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ..ออกกำลังการอย่างน้อย 15 นาทีจะดี ๕.กินอาหารต้านชรา..พยายามเลือกอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายเช่น พืชผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ๖.นอนหลับเพียงพอ..เราควรจะนอนให้เพียงพอกับร่างกายที่ดีที่สุดควรนอนก่อนสี่ทุ่มจะดีที่สุด ๗.ความรัก..ความรักเท่านั้นที่จะช่วยให้คนสดชื่น กระชุ่มกระชวยทั้งความรักของคนหรือสัตว์ ก็จะช่วยให้เราหัวใจเบิกบาน
ขนมเด็กเคลือบยาพิษ Safe Stamp ระวัง ! อันตรายจากอาหารขบเคี้ยว ข้อมูลจากการสำรวจของราชพฤกษ์โพลคณะสาธารณะสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งเก็บตัวอย่างจากขนมหลายประเภทจากโรงเรียนอนุบาลและประถมศึกษา จำนวน 40 โรงเรียนในพื้นที่17 เขตของกรุงเทพมหานครพบว่าภัยร้ายที่แฝงอยู่ในขนมเด็กโดยเฉพาะสารตะกั่วซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายขณะเดียวกันก็ยังพบสารอันตรายอื่นๆโดยเฉพาะเกลือโซเดียมในปริมาณมากน้อยต่างกันไปซึ่งหากบริโภค มากจนตกค้างสะสมในร่างกายอาจมีผลให้เส้นเลือดในสมองโป่งพองได้
10 อันดับขนมขบเคี้ยวประเภทข้าว แป้งที่พบปริมาณโซเดียมสูงสุดดังนี้ 1. ข้าวเกรียบปลาหมึก ตราอาริงาโต2. ขนมทอดกรอบตราปูไทย ซองส้มเข้ม3. ข้าวเกรียบทอด ตราเอสบี รสพริกหยวก4. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราฮานามิ รสเม็กซิกันชิลลี่5. แป้งมันฝรั่งทอดกรอบ ตราโรลเลอร์ โคสเตอร์ รสหัวหอมทรงเครื่อง6. แป้งข้าวโพดอบกรอบ ตราโจโต้ รสปลาหมึก7. ข้าวเกรียบกุ้ง ตราคาลบี้ รสต้มยำรสแซบ8. ข้าวเกรียบปลา ตรามโนห์รา9. ข้าวเกรียบกุ้ง ตรามโนห์รา10. ข้าวเกรียบรสมะเขือเทศ
โทษของน้ำต้มเดือดหลายๆ ครั้ง น้ำประปามีแร่ธาตุหลายชนิดเมื่อต้มเดือดแล้วเดือดอีกหลายๆ ครั้งน้ำจำนวนมากจะระเหยกลายเป็นไอ ส่วนที่เหลือจึงมีปริมาณแร่ธาตุ ชนิดต่างๆ เข้มข้นขึ้นมากและเกินมาตรฐานการบริโภค น้ำที่ต้มเดือดนานๆไอออนของซิลเวอร์ไนเตรทที่อยู่ในน้ำจะเปลี่ยนเป็นซิลเวอร์ไนไตรท์ซึ่งเป็นสารที่ให้โทษแก่ร่างกายและแร่ธาตุบางอย่างที่เป็นโทษต่อร่างกายจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพราะการระเหยของน้ำและอาจมากจนเกินขีดจำกัด ความสามารถของร่างกายในการกำจัดขับถ่ายออกมาจึงไม่ควรดื่มน้ำที่ ต้มเดือดแล้วหลาย ๆ ครั้ง ครับ
อาหารต้านมะเร็ง 5 ประการเพื่อการป้องกัน 1. รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มากเช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯเพื่อป้องกัน โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลำไส้ส่วนปลายกระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ 2. รับประทานอาหารที่มีกากมากเช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆเพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ 3. รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และไวตามินเอสูงเช่น ผัก ผลไม้สีเขียว-เหลืองเพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอดำ 4. รับประทานอาหารที่มีไวตามินซีสูงเช่น ผัก ผลไม้ต่างๆเพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร 5. ควบคุมน้ำหนักตัว..โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งเช่น มดลูก ถุงน้ำดี เต้านม และลำไส้ใหญ่
ผลกระทบของการอดนอน งานวิจัยเชิงทดลอง โดยอาสาสมัครหนุ่มสาวทดลองนอนหลับวันละ 4 ชม. เป็นเวลา 6 คืน เมื่อเจาะตัวอย่างเลือดพบว่า มีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและควบคุมยากซึ่งเกือบจะเป็นเหมือนโรคเบาหวานนักวิจัยยังพบว่าการอดนอนเป็นสาเหตุของโรคอ้วนโดยเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเร่งการเติบโตซึ่งเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตทางกายภาพและควบคุมสัดส่วนของไขมันต่อกล้ามเนื้อในร่างกายการอดนอนทำให้ฮอร์โมนนี้หลั่งน้อยลงร่ายกายรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นนอกจากนี้ยังส่งผลต่อฮอร์โมนเลปตินซึ่งเป็นสารที่สื่อต่อระบบประสาทว่า ควรจะอิ่มได้เร็วหรือช้าเท่าใดตามความต้องการอาหารของร่างกายเมื่อระดับเลปตินลดลงจากการนอนน้อยผู้คนจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้นแม้จะได้กินอาหารจนได้พลังงานเพียงพอแล้วก็ตามการนอนไม่พอยังส่งผลต่อเม็ดเลือดขาวและกลไกการตอบสนองภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกายทำให้เจ็บป่วยง่ายเมื่อเจอเชื้อโรคการนอนไม่พออาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งมีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องวงจรการหลั่งฮอร์โมนแปรปรวนเนื่องมาจากการอดนอนและ แสงรบกวนในเวลากลางคืนทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมฉะนั้น นอกจากเราควรจะนอนให้เพียงพอแล้วเรายังไม่ควรเปิดไฟนอนอีกด้วย
6 อัศวินช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ร่างกายของคนเราสามารถสร้างคอเลสเตอรอลได้เองอยู่แล้วดังนั้นถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูงระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดก็จะมีสูงขึ้นตามไปด้วยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดอุดตันและหัวใจวายแน่นอนอาหารบางอย่างมีคุณสมบัติช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลได้ เป็นอย่างดีเยี่ยม6 อัศวินตัวสำคัญนั้นคือ 1.มะเขือต่างๆ..2.หอมหัวใหญ่..3.กระเทียม4.ถั่วเหลือง..5. แอปเปิล..6.โยเกิร์ต วันใดมื้อใดที่คุณมีเมนูอาหารซึ่งอุดมไปด้วยไขมันมากๆก็ควรรับประทานอัศวินตัวหนึ่งตัวใดเพื่อควบคุมไขมัน.
อาหารอันตรายเมื่อท้องว่าง คุณทราบไหมว่าเมื่อท้องของคุณว่างแล้วคุณรับประทานอาหารเข้าไปอาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะรับประทานอาหาร ควรเลือกชนิดของอาหารเสียก่อนอาหารที่ไม่ควรรับประทาน ขณะท้องว่างมีชนิดใดบ้างมีบางชนิดที่เราแทบไม่เชื่อเลยล่ะ กล้วย.. เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้นทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างยิ่ง กระเทียม.. เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหาร ได้รับการกระตุ้นเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง ผัก.. การรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่างจะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปรกติ
นอกจากนั้น ยังไม่ควรอาบน้ำ และออกกำลังกายด้วยเช่นกันเพราะการอาบน้ำและการออกกำลังกาย ในขณะที่ท้องว่างจะทำให้เกิดอาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย นมและนมถั่วเหลือง.. แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีนแต่จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหารมีสารอาหารประเภทแป้งอยู่ด้วย เหล้า.. หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหารทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ น้ำตาลหรืออาหารหวาน... ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ช็อกโกแลต เพราะหากรับประทานขณะท้องว่างจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิดและลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต ชา...ที่แก่เกินไป ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะมือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ ลูกพลับ.. ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่างเพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับแล้วจะทำให้เจ็บหน้าอกคลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
ไอศกรีม อาหารขยะ ไอศกรีมบางยี่ห้อ บางผู้ผลิต ใช้ไขมันที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์ แทนและได้ใส่ส่วนผสมสังเคราะห์ จากสารเคมีต่าง ๆ ดังนี้ 1. ไดอิธิลกลูคอล ( diethyl glucol )..สารเคมีราคาถูก ใช้ตีไขมันให้กระจาย แทนการใช้ ่ไข่ เป็นสารกันเยือกแข็ง ที่ใช้กันน้ำแข็ง( anti freeze) และผสมในน้ำยากัดสี 2. อัลดีไฮด์ - ซี71 ( aldehyde-C71 ).. ใช้สร้างกลิ่น เชอร์รี่ให้ไอศกรีมเป็นของเหลวติดไฟง่าย และยังนำไปใช้ทำสีอะนิลีน พลาสติกและยาง 3. ไปเปอร์โอรัล ( piperoral )..ใช้แทนวานิลลาเป็นสารเคมีที่ใช้ฆ่าเหาและหมัด 4. อิธิลอะซีเตท (ethyl acetate ).. ใช้สร้างกลิ่นรสสับปะรดใช้เป็นตัวทำความสะอาดหนังและผ้าทอ กลิ่นของสารเคมีตัวนี้ทำให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง ตับ และหัวใจผิดปกติ 5. บิวธีรัลดีไฮด์ ( butyraldehyde) ใช้สร้างกลิ่นรสเมล็ดในผลไม้เปลือกแข็ง เป็นสารประกอบสำคัญในกาวยาง 6. แอนนิล อะซีเตท( anyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นรสกล้วยหอมเป็นสารทำลายใช้ล้างไขมัน 7. เบนซิล อะซีเตท(benzyle acetate) ใช้สร้างกลิ่นและรสสตรอเบอร์รี่เป็นสารละลายไนเตรท
เวลาเกิดความอยากอยากให้คิดถึงสารเคมีเหล่านี้ทั้งสารกันเยือกแข็ง ตัวทำละลายน้ำมัน น้ำยาลอกสี ยาฆ่าเหา ยาฆ่าหมัดบางยี่ห้อมีตัวนั้น บ้างมี ตัวนี้ ไมใช ่ว่าทุกยี่ห้อ จะมีหมด ทุกตัว นะครับ นอกจากนี้สารที่ใช้ทำความหวานก็คือ แซคคาริน หรือน้ำตาลเทียมทั้งมีสารเติมสีเติมกลิ่น ซึ่งเหล่านี้ล้วนพิสูจน์แล้วว่ามีส่วนสนับสนุนทำให้เกิดมะเร็งได้ไอศกรีม อาหารขยะ เป็นสาเหตุโรคอาหารเป็นพิษ ถึง 98 เปอร์เซ็นต์อย่าลืมนะครับ จะซื้ออะไรดูสักนิดเช่นน้ำมันพืช.. มีสารกันหืน BTH หรือเปล่าซีอิ้ว น้ำปลา แมกกี้มี สารกัน บูด (โซเดียมเบนโซเอท) หรือผงชูรส(โมโนโซเดียมกลูตาเมท) หรือไม่ขนมปัง.. ขาวมีสารกันเสีย สารกันบูดไหมหรืออาหารใดๆ.. ก็แล้วแต่ แวะอ่านดูฉลากสักนิด ว่า มีผงชูรส มีวัตถุกันเสียเจือสีสังเคราะห์ แต่งกลิ่น แต่งรส หรือเปล่า แม้ อย.อนุญาตก็ตามเถอะ ที่มา :http://www.rapidreply.net/cgi-bin/varpro/vartrack.cgi?t=mysuccess:23
เลือดแต่ละกรุ๊ปกับการเลือกทานอาหาร.. กรุ๊ป A. คนที่เลือดกรุ๊ป A จะอ่อนไหวต่อโรคมะเร็งมากกว่า หมู่อื่นๆควรลดหรือละเว้น นม.เนื่องจากแอนติเจนที่อยู่ในเซลล์ของเลือดกรุ๊ป Aควรหันมารับประทานกันเพิ่มขึ้นก็คือ พวกผักใบ เขียว ใบเหลืองรวมทั้งธัญพืช และถั่วต่างๆ กรุ๊ป B.. พวกที่อยู่ในกลุ่มเลือดกรุ๊ป B ถือว่าเป็นเลือดที่ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นอันดับสามของมนุษย์ การดื่มนมและรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ ทำจากนม โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าท้องไส้จะปั่นป่วน หรือท้องเฟ้อเรอเหม็น เปรี้ยว อย่างคนกรุ๊ปเลือด Aนอกจากนี้ อาหารพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้นแต่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือ เนื้อไก่ กรุ๊ป O.. ถือว่าเป็นเลือดกรุ๊ปแรกของมนุษย์เราเลยก็ว่า ได้ดังนั้นคนที่มีเลือดกรุ๊ป O จะมีสุขภาพแข็งแรงดีเมื่อกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น เป็ด ไก่ และปลา (ยกเว้นหมู)แล้วก็ออกกำลังกายหนักๆ เช่นเต้นเอโรบิค...คนที่มีเลือดกรุ๊ป O มีแนวโน้มที่ จะเป็นโรคแผลเน่าเปื่อยหรือเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่นๆ อีกด้วย กรุ๊ป AB. มาถึงเลือดกรุ๊ปสุดท้ายที่เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์เราคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้มีเพียงแค่ 2 % เท่านั้นเอง จะมีลักษณะคล้ายๆคนเลือดกรุ๊ป B คือ รับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้แต่ก็มีจุดอ่อน คือ ระบบย่อย อาหาร มักจะมีกรดเกิดขึ้นมากในท้องส่วนล่าง หรือลำไส้ใหญ่ ดังนั้นข้อ แนะนำก็คือควรรับประทานเนื้อสัตว์ในปริมาณที่น้อยและอย่าบ่อยนักอาจสังเกตุได้ง่ายๆ ถ้ามีอาการผิดปกติ คือ จะเรอบ่อย
รอบเอวมรณะ สิ่งที่พึงตระหนักคือ ผู้ชายไม่ควรให้รอบเอวเกิน 36 นิ้วหญิงไม่ควรเกิน 32 นิ้วถ้ามากกว่านี้ต้องเร่งลดน้ำหนักเพราะถ้าหากท่านวัดรอบเอวแล้วได้ตัวเลขเกินกว่ามาตราฐานนี้ แสดงว่าท่านกำลังเป็นโรคอ้วนคนเป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงที่จะต้องพบกับโรคร้ายต่างๆ มากมายนับตั้งแต่ โรคหัวใจ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงอัมพาตและท่านอาจจะหยุดหายใจขณะหลับจนเกิดภาวะพร่องออกซิเจนตื่นนอนจะมีอาการมึน เป็นต้อหินง่ายเนื่องจากเลือดขาดออกซิเจนเป็นโรคไขข้อ เพราะแบกรับน้ำหนักมากเป็นเกาต์ มะเร็ง นิ่วในถุงน้ำดี มีลูกยาก โรคเกี่ยวกับระบบหายใจโรคถุงน้ำดี ท่านทราบหรือไม่ว่าคนอ้วนจะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานมากกว่าคนน้ำหนักปกติถึง 30 เท่าเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบกว่าคนทั่วไป 15 เท่าโรคอัมพาต 11 เท่า โรคมะเร็งลำไส้ 2 เท่าวิธีรักษาโรคอ้วนสามารถทำได้ด้วยการควบคุมแคลอรีของอาหารที่รับประทานคือพยายามให้ลดลงวันละ 600 แคลอรีซึ่งภายใน 7 วันจะสามารถลดน้ำหนักได้0.6 กิโลกรัมเพราะไขมัน 1 กิโลกรัมเท่ากับ 7,000 แคลอรีประการที่สำคัญ ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวันอย่างน้อย 20 นาทีถ้าออกกำลังกายได้ 60 นาทีจะยิ่งเป็นผลดี
สุราอาจป้องกันโรค วอชิงตัน ๑๖ พ.ค. - แพทย์สหรัฐ กล่าวว่า การดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์วันละ ๒ แก้วอาจช่วยป้องกันโรคเบาหวานในกลุ่มผู้หญิงอายุมากได้และดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะเป็นสุราประเภทไหนก็ดื่มได้ดีทั้งนั้นจากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ควบคุมอาหารและดื่มสุราในปริมาณที่กำหนดสามารถควบคุมระดับอินซูลินได้ดีกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์แต่นักวิจัยย้ำว่า ต้องมีการศึกษากันต่อไปผู้เชี่ยวชาญคาดว่า การดื่มเครื่องดื่มอะไรก็ตามสามารถช่วยได้ทั้งนั้นขอให้มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ใส่เหล้าก็ได้ชาวอเมริกันราว ๑๕ ล้านคน ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ซึ่งจะส่งผลต่อการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายคนไข้โรคเบาหวานควรระมัดระวังในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งโดยทั่วไปแล้วตัวแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดอยู่แล้วไมเคิล เดวี่ส์ และเดวิด เบเออร์ ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์วิจัยด้านโภชนาการของกระทรวงเกษตรสหรัฐ ทำการทดลองในผู้หญิง ๖๓ คนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและรายงานผลการศึกษาลงในวารสารสมาคมแพทย์ของสหรัฐพบว่า ผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หากดื่มเหล้าวันละ ๒ แก้วจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ดื่ม หรือดื่มแต่น้ำส้มเพียงอย่างเดียวไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีน้ำหนักตัวเท่าไรก็ตามการดื่มสุราเพียงวันละ ๓๐ กรัมช่วยลดระดับอินซูลินที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตามนักวิจัยเตือนว่าการดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์มากกว่านี้จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และจะเป็นอันตรายต่อร่างกายด้วย
อาหารเป็นยา 9 ยอดอาหารธรรมชาติที่ช่วยรักษาสุขภาพของท่าน 1. บร็อคโคลี่. แชมเปี้ยนผักในตระกูลกะหล่ำที่เป็นที่นิยมของนักบริโภคทั่วโลกบร็อคโคลี่มีประโยชน์ดังนี้- ช่วยป้องกันมะเร็ง- อุดมด้วยวิตามินซี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ในร่างกายและยังช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรงอีกด้วยถ- ประกอบด้วยสาร glutathione ซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดไข ถ ข้ออักเสบเบาหวาน และโรคหัวใจและนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย ลดระดับคลอเลสเตอรอลและช่วยลดความดันโลหิตสูงถ- ป้องกันการเกิดต้อกระจก เนื่องจากบร็อคโคลี่ จะมีสารเบต้าแคโรทีนสูงโดยเฉพาะสาร lutein ขนาดรับประทาน : บร็อคโคลี่ 1/2 ถ้วย ต่อสัปดาห์ 2. กระเทียม..ช่วยลดคลอเลสเตอรอล มีฤทธิ์คล้ายกับยาแอสไพรินในการช่วยป้องกันการแข็งตัวและการอุดตันของหลอดเลือด มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคได้เหมือนกับยาเพ็นนิซิลิน โดยเฉพาะเวลาที่เจ็บคอ สามารถใช้กระเทียมรักษา ได้ดีและยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ในการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ ถและมะเร็งเต้านมขนาดรับประทาน : การป้องกันโรคหัวใจรับประทานวันละ 1 กลีบ และโดยทั่วไปก็แนะนำให้รับประทานกระเทียมเป็นประจำทุกวัน แล้วแต่ปริมาณที่ชอบถ 3.ถั่วแดง เป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของเส้นใยอาหารสูงมาก ดังนั้นจึงช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดภาวะเส้นเลือดใน สมองแตกและมะเร็งลำไส้ใหญ่อุดมด้วยกรดโฟลิค ที่ช่วยบำรุง โลหิต ป้องกัน ความผิดปกติของทารกในครรภ์นอกจากนี้ยังประกอบ ด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ polyphenolicsที่ช่วยป้องกันการเกิด โรคหัวใจได้ดีอีกด้วย ขนาดรับประทาน : ควรรับประทาน 1 ถ้วย / วัน 4. นมพร่องมันเนย .. เป็นแหล่งของแคลเซี่ยมสูงที่ปลอดไขมันซึ่งป้องกันภาวะกระดูกพรุน ถ และยังประกอบด้วยสารโปรตัสเซี่ยมและแมกเนเซี่ยมที่ออกฤทธิ์ช่วย ลดความดันโลหิตสูง ขนาดรับประทาน : คนวัยหนุ่มสาวต้องการแคลเซี่ยมวันละ 1000 mgส่วนวัยสูงอายุจะต้องการเพิ่มขึ้นเป็น 1500 mg /วัน จึงจะเพียงพอปัจจุบันมีนมพร่องมันเนยแคลเซี่ยมสูงจำหน่ายอยู่ทั่วไป เลือกดื่มได้ตามปริมาณที่แนะนำ 5. ส้ม.. ยอดผลไม้ที่มีปริมาณวิตามิน ซี สูง เส้นใยอาหารสูง รวมทั้งสารอาหารชนิดอื่นๆ ซึ่งช่วยป้องกันหวัด ลดระดับคลอเลสเตอรอลช่วยในการสร้างกระดูก ป้องกันการเกิดนิ่วในไต ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ตลอดจนช่วยฟื้นฟูอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจนอกจากนี้ สาร phytochemicals ในส้มยังช่วยต่อต้านมะเร็งเต้านมด้วยถขนาดรับประทาน : ควรรับประทานส้มวันละ 1-2 ผล เป็นประจำทุกวัน 6. ปลาแซลมอน .. มีปริมาณน้ำมันปลาที่เรียกว่า Omega-3s ค่อนข้างสูงซึ่งช่วยป้องกัน โรคหัวใจ และช่วยควบคุมอาการไขข้ออักเสบช่วยลดอาการปวดรอบเดือน กลุ่มอาการก่อนมีรอบเดือน รวมทั้งช่วยระงับอาการซึมเศร้าได้ด้วย ขนาดรับประทาน : รับประทานสัปดาห์ละ 3 ออนซ์ 7. เต้าหู้ ..หนึ่งในอาหารชั้นเลิศที่ควรเลือกรับประทานค่ะ ช่วยลดระดับไขมันคลอเลสเตอรอล อุดมด้วยสาร Isoflavone สารเอสโตรเจนธรรมชาติจากพืช ป้องกันกระดูกพรุน ป้องกันมะเร็งเต้านม และยังช่วยให้ไตทำงานได้ดีด้วยขนาดรับประทาน : 30-50 mg ของ Isoflavone / วัน หรือเท่ากับปริมาณ เต้าหู้ 1/2 ถ้วย/วัน ซึ่งมี Isoflavone 35 mg. 8. ซอสมะเขือเทศ .. นอกจากจะสุดอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์มากมาย เช่น ป้องกันมะเร็ง ลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร สาร lycopeneในมะเขือเทศเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ พบมากในเฉพาะมะเขือเทศ ถ เท่านั้นในผักผลไม้ชนิดอื่นจะมี lycopene น้อยค่ะ สาร lycopeneมีคุณสมบัติกำจัดสารอนุมูลอิสระตัวอันตรายให้ออกไปจากร่างกายช่วยป้องกันมะเร็งช่วยให้ห่างไกลความ ร่วงโรยอีกด้วยถขนาดรับประทาน : รับประทานได้ตามใจชอบเป็นประจำทุกวัน 9. น้ำ ..ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่ จึงจำเป็นที่คุณควร ถจะดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำคือยาอันมหัศจรรย์หาก ดื่มน้ำได้เพียงพอ จะช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย ตะคริว รักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย ป้องกันการเกิดนิ่วและยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสฉะนั้ควรจะดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วและถ้าสามารถดื่มได้มากกว่านี้ก็นับว่าเป็นกำไรของท่าน
เผยแพร่โดย www.budpage.com
เป็นภูมิแพ้ไม่ควรทานนมวัว คุณหมอที่ร.พ. บี แคร์ ท่านบอกว่าคนที่เป็นโรคด้านภูมิแพ้ไม่ควรทานนมจากแม่วัวหรือผลิตภัณฑ์ที่ดัดแปลงจากนมวัวประสบการณ์รักษาโรคภูมิแพ้มามากกว่า 5 ปีท่านแนะนำคนไข้ให้ทานนมจากถั่วเหลืองเท่านั้นคนที่ตั้งท้องหรือ คลอดลูกใหม่ๆ ไม่ควรนำนมวัวไปฝาก โดยเฉพาะที่เห็นในทีวีคุณแม่ตั้งท้องแล้วดื่มนมพร่องมันเนยยี่ห้อหนึ่ง " ดีที่สุดสำหรับคุณแม่"ท่านบอกว่าไม่สมควรอย่างยิ่งนมจากแม่วัว จะเป็น factorนึ่งที่จะกระตุ้นให้ท่านเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้เห็นจริง พบว่าเด็กที่ทานนมถั่วเหลือง จะสูงมาก และมีพัฒนาการที่เร็วคนรุ่นใหม่จึงนิยมหัน มาดื่มนมเพื่อสุขภาพและคลายความหิวไปช่วงหนึ่งที่เมืองไทยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมานี้ได้มีการรณรงค์ให้ดื่มนมวันละ 2 แก้วเพื่อสุขภาพและโดยเฉพาะในเด็กเติบโตเพื่อนำแคลเซียมในนมไปใช้ในการสร้างกร ะดูกเราทุกคนก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด แต่ถ้าในวันนี้มีใครสักคนเดินเข้ามาบอกคุณว่านมที่คุณดื่มอยู่นั้นเป็นตัวการอย่างดีในการก่อให้เกิดมะเร็งล่ะคุณจะทำอย่างไรจริงอยู่ที่ในนมนั้นมีสารอาหารมากมายไม่ว่าจะเป็นโปรดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินA B1 B2 ไนอาซีนแต่คุณรู้ไหมปริมาณสารอาหารเหล่านั้นไม่ได้มีมากดังที่คุณคิดเลยอย่างในนมนั้นก็มีแคลเซียมเพียง118 มก. (ต่อ 100 กรัม)ในขณะที่กุ้งแห้งเพียงหนึ่งช้อนชานั้น ให้แคลเซียมถึง 345 มก.และนอกจากนี้โปรดีนในนมนั้นยังเป็นโปรดีนที่ย่อยยาก และกรดไขมันอิ่มตัวสูงร่างกายนั้นไม่สามารถย่อยได้หมดเมื่อตกมาถึงลำไส้เล็กตอนบนมันก็จะบูดเน่าขึ้นซึ่งมันจะไปสะสมอยู่ในตับไตและลำไส้ใหญ่เกิดสารพิษกลายเป็นสารก่ออนุมูลอิสระต้นตอของการเกิดมะเร็งนอกจากนี้ยังพบว่าการบริโภคนมนั้นยังส่งผลต่อต่อมและโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์เนื่องจากเป็นตัวการร้ายของการเกิดซีสต์ เนื้องอก และกลายเป็นมะเร็งในที่สุดและเจ้ากรดไขมันอิ่มตัวในนมนี้อาจจะไปสะสมในไต และถุงน้ำดีทำให้คุณเป็นนิ่วได้อีกด้วยปัญหาต่างที่เกิดจากนมที่พบได้บ่อยนั้นก็ยังมีการสะสมของไขมันในต่อมลูกหมากตะคริวและท้องร่วง การแพ้ในรูปแบบต่างๆทำให้เกิดโลหิตจางที่ขาดธาตุเหล็กในเด็ก เส้นเลือดแข็งตัว โรคหลอดเลือด หัวใจโรคไขข้อ และนมยังสามารถดักจับสารทาร์ในบุหรี่ช่วยเร็งการเป็นมะเร็งในปอดอีกด้วย ที่ร้ายที่สุดคือนมพร่องมันเนยนั้นมันกำลังกลายเป็นสิ่งเร้าให้คนที่ต้องควบคุมปริมาณไขมันในเส้นเลือดเนื่องจากโรคไขมันในเส้นเลือดสูง และพวกเส้นเลือดหัวใจตีบตายได้ไม่รู้ตัวเพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์ลืมเขียนต่อท้ายว่านมพร่องมันเนยไปนิดเดียวนี่ไม่ใช่เรื่องที่กุกันเล่นๆ เพื่อโจมตีบริษัทนมยี่ห้อใดๆแต่เป็นย้ำเตือนถึงการที่เรานำภูมิปัญญาของชาวตะวันตกมาใช้นั้นทำให้เราพึ่งละเลยสิ่งดีๆ ของไทยนั้นก่อผลเสียมากเพียงใด
ถ้าท่านยังไม่เชื่อเท่าใดก็ลองกลับไปดูสถิติของการเกิดมะเร็งดูสิว่ามันสูงขึ้นจ ริงหรือไม่( อ้างอิงข้อมูลจากบทความคนไทย ไม่ต้องพึ่งนมวัว ของนพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล )
วาซาบิป้องกันฟันผุ วาซาบิ เครื่องปรุงรสสีเขียวมีกลิ่นฉุน นิยมรับประทานร่วมกับปลาดิบอาหารยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น มีคุณประโยชน์ทางยาหลายอย่างโตชิโอะ ลิยาม่า หัวหน้าทีมวิจัยวาซาบิ พบว่าวาซาบิสามารถต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในร่างกายมนุษย์และยังกำจัดพยาธิชนิดที่เรียกว่า anisakis ที่อาศัยอยู่ในปลาเมื่อมันผ่านเข้ามาในระบบย่อยอาหาร ที่สำคัญ ในวาซาบิมีสรรพคุณในการป้องกันเลือดจับตัวเป็นก้อน เส้นเลือดอุดตัน ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ป้องกันโรคหอบหืด และผลวิจัยล่าสุดพบว่าช่วยป้องกันฟันผุได้ สารประกอบทางเคมีในวาซาบิที่เรียกว่าโอไซยาเนตส์จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ตลอดจนการผลิตเอนไซม์ในการก่อตัวของหินปูนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดฟันผุ
วิตามินอี ..ดีต่อหัวใจ บางคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า การกินอาหารอย่างถูกต้องนั้นต้องไม่กินไขมันเลยนักโภชนาการบอกว่า หากอยากให้ร่างกายได้รับวิตามินอีในปริมาณที่แพทย์แนะนำแต่ต้องแน่ใจว่าเป็นไขมันชนิดที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ เช่น ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันพืชคาโนล่า ที่มีปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวสูง บางแห่งเรียกน้ำมันเรปใช้แทนน้ำสลัดข้น เมื่อกินสลัด การกินวิตามินอี ในระดับที่เพียงพอนั้นจะช่วยป้องกันระบบความจำเสื่อม ป้องกันกล้ามเนื้อและหัวใจจากกาถูกทำลายเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง และใช้รักษาภาวะการมีบุตรยาก นอกจากนั้นนั้นช่วยรักษาแผลและลบเลือนแผลเป็นอาหารแหล่งอาหรที่อุดมด้วยวิตามินอีพบได้ในจมูกข้าว น้ำมันพืช ผักใบเขียวผลไม้เปลือกแข็ง เมล็ดทานตะวัน ถั่วอัลมอนด์ หรืออาจกินวิตามินอีเสริมโดยเลือกกินวิตามินอีเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีปริมาณวิตามินอี 15 มิลลิกรัมหรือวิตามินรวมหนึ่งเม็ดซึ่งมีวิตามิน บี 6 บี 12และกรดโฟลิก 400 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกาย
ไวตามินซีกับไข้หวัด ไวตามินซี (ascrobic acid) เป็นสารที่มีตามธรรมชาติถ้าหากขาดจะทำให้เกิดเลือดออกตามไรฟัน (scurvy)ปัจจุบันพบได้น้อยแล้วเพราะได้วิตามินซีที่ผสมในอาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มหลายๆ ชนิด โดยไม่รู้ตัวเป็นจำนวนไม่น้อยนักเภสัชวิทยาผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งพบว่าการได้รับไวตามินซี วันละ 1-3 กรัมจะช่วยป้องกันไข้หวัดได้แต่นักวิจัยท่านอื่นที่ทำวิจัยซ้ำกลับยังไม่พบผลดังกล่าว จึงยังสรุปไม่ได้แต่คนเราก็ต้องการไวตามินซีทุกวันเพื่อใช้ในการทำงานตามปรกติผู้ใหญ่แต่ละคนต้องได้รับ 60 มิลลิกรัมต่อวัน1000 มิลลิกรัมเท่ากับ 1 กรัม หากได้รับไวตามินซีในขนาดสูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่น ท้องเดิน ปั่นป่วนท้องเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ กระดูกบาง น้ำตาลในเลือดสูงรวมทั้งอาจทำให้ภูมิต้านทานเชื้อแบคทีเรียตกต่ำไปด้วยหากต้องการไวตามินซีสูงเผื่อจะป้องกันหวัดได้บ้างควรได้ไวตามินจากแหล่งธรรมชาติคือ พวกผักและผลไม้เพราะมีโอกาสน้อยที่จะบริโภคไวตามินซีเกินขนาดและมีประสิทธิภาพดีกว่าไวตามินซีสังเคราะห์
ดื่มน้ำส้มและโยเกิร์ต ป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เมื่อไม่นานมานี้ American journal of clinical nutrition ค้นพบว่าผู้หญิงที่ดื่มนมโยเกิร์ตบ่อย และน้ำผลไม้อย่างน้อย 1 แก้วต่อวันมีโอกาสเกิดกระเพาะอักเสบน้อยกว่าคนอื่นถึง 34 % โดยเฉพาะจากน้ำลูกเบอรี่เช่นเดียวกัน ถ้าได้ดื่มโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว หรือแม้กระทั่งรับประทานชีสอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ มีโอกาสเกิดปัสสาวะอักเสบลดลงถึงเกือบ 80 %จากการวิจัยในหญิง 139 คนที่เคยมีปัสสาวะอักเสบและ 185 คนที่ไม่เคยเป็นคนยุโรปที่ซื้อหาทานแคปซูลที่มียีสต์เช่นเดียวกับการทานโยเกิร์ตเชื่อว่ามันทำให้เพิ่มแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์และลดแบคทีเรียตัวร้ายลงในทางเดินอาหาร และอุจจาระอันเนื่องจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบสัมพันธ์กับการปนเปื้อนอุจจาระจึงทำให้อัตราการเกิดปัสสาวะอักเสบลดลงด้วยส่วนการที่น้ำผลไม้บางชนิดเช่น Cranberries ช่วยลดอัตราการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้นนักวิจัยเชื่อว่า เนื่องจากมันมี สารแอนตี้ออกซิเดนท์ (antioxidents)ที่คอยทำลายเชื้อแบคทีเรียดังนั้นคำแนะนำในผู้ที่เป็นปัสสาวะอักเสบนอกจากให้เลิกกลั้นปัสสาวะนานๆและทำความสะอาดให้ดียังแนะนำให้กินน้ำผลไม้และโยเกิร์ตเป็นประจำด้วย
ป้องกันโรคเกาต์ โรคนี้สาเหตุหลักเกิดจาก การรับทานอาหารจำพวกสัตว์ปีกเป็นประจำนอกจากนั้น อาจเกิดจากพันธุกรรม ความอ้วน ความดันโลหิตสูงผู้ป่วยที่เป็นโรคไต ที่ทำให้ขับกรดยูริคได้ยากและผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำโรคเกาต์เป็นโรคไขข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการมีระดับกรดยูริค (Uric Acid) ในเลือดมากเกินไปซึ่งอัตราที่ปรกติระดับกรดยูริคในเลือดไม่ควรเกิน 7 mg/dLในอุณหภูมิร่างกายที่ปรกติ (37 องศาเซลเซียส)หากกรดยูริคในร่างกายสูงมากกว่านั้น จะทำให้เกิดเป็นผลึกของกรดยูริคขึ้นแต่อุณหภูมิบริเวณข้อจะประมาณ 29-32 องศาเซลเซีลสผู้ป่วยมักมีอาการปวด ตึง บริเวณข้อส่วนใหญ่มักจะเกิดที่ขาก่อน เช่นข้อนิ้วโป้งของเท้าและมักจะปวดตอนกลางคืนหรือเช้า ผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้ร่วมกับอาการบวมตามมา
หมากฝรั่งช่วยลดน้ำหนัก James Levine และทีมงานวิจัย The Mayo Clinic ประเทศอังกฤษได้คำนวณแคลอรีที่เสียไปขณะเคี้ยวหมากฝั่งนาน 1 ชั่วโมงจะใช้พลังงานไป 11 แคลอรี่ ฟังดูอาจจะไม่มากนัก แต่ถ้าในระยะเวลา 1 ปีผู้ที่เคี้ยวหมากฝรั่งในชั่วโมงทำงานทุกวัน โดยไม่เปลี่ยนแปลงจะใช้พลังงานซึ่งช่วยให้ลดน้ำหนักได้ถึง 11 ปอนด์
ขอบคุณคิมครับ ที่พยายามนำข้อมูลมาแชร์ แต่ ......
เหมือนเข้าทางผมนะ ผมชอบบ่นกะคนใกล้ตัวเสมอว่า ข้อมูลที่ได้มาจากเนตหรือการฟอร์เวิร์ดมาน่ะ บางครั้งอ่านแล้วต้องคิดตามก่อนเชื่อคงต้องยึด "กาลามสูตร" นะครับ^_^ และก่อนจะส่งให้ใครๆดูต่อไป
หลายๆข้อที่คุณคิมยกมา ผมอ่านแล้วแหม่งๆครับ เลยอด "คัน" ไม่ได้ x ต้องไปเสิร์ช และหาข้อมูลมาว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือ???????
เนี่ยแหละครับ ข้อนี้แหละ ที่ทำให้ผม "คัน" มาก เพราะที่ร่ำเรียนมา ฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดนั้นนำมาใช้ในสตรีวัยทอง เพื่อลดโรคกระดูกพรุน ... ความรู้ผมตกยุคไปแล้วหรือ
เลยไปเสิร์ชดูครับ ที่นี่ http://www.cmaj.ca/cgi/content/full/165/8/1023
เป็นงานวิจัยในแคนาดาครับ ตีพิมพ์ใน Canadian Medical Association Journal, Vol 8 October 2001
ผมอ่านงานวิจัยนี้แล้ว สรุปให้อ่านกันสั้นๆนะครับว่า
งานวิจัยนี้ศึกษาผลของยาเม็ดคุมกำเนิดในสตรีก่อนวัยหมดประจำเดือน หลังจากศึกษาโดยการกรอกแบบสอบถามและวัดค่าความหนาแน่นของกระดูก พบว่าในกลุ่มสตรีซึ่งรับประทานยาคุมกำเนิอมีความหนาแน่นของเนื้อกระดูกเฉลี่ยต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน 0.02-0.04 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ... โดยพบด้วยว่ากลุ่มที่ทานยาคุมกำเนิดมีการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ทาน
อ่านแล้วคิดว่ายังไง ... ลองออกความเห็นกันหน่อยครับ วันจันทร์ผมจะมาคุยต่อ
ยาวจังอ่ะพี่คิม โดนอาหมอสวนเลย หุหุ
โอมเปลี่ยนชื่อเป็น "บ่าง" มายุให้คิมโกรธหมอซะแล่วววว :hammer:
มะได้สวนนะคร้าบบบ แค่มายกตัวอย่าง ... นิ .. โหน่ย อ้ะ x
ผมจะเริ่มแจกแจงเป็นประเด็นๆไปนะครับ ...
1.ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกที่แตกต่างกัน 0.02-0.04 ต่อ ซีซี มันมีผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างกระดูกขนาดไหน?? อย่างไร ?? คิดเทียบกับมวลกระดูกปกติ ต่างกันกี่เปอร์เซนต์?
2.มีข้อมูลชัดเจนว่า กลุ่มที่ทานยามีการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์:pint:มากกว่า ซึ่งสองอย่างนี้มีผลต่อความหนาแน่นมวลเนื้อกระดูกด้วยครับ
ดังนั้น เมื่อมาดูข้อมูลที่ส่งต่อๆกันมา (ไม่เกี่ยวข้องกะคุณคิมนะครับ)
<quote>ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิด ทำให้กระดูกบางลงได้นำไปสู่ปัญหากระดูกพรุนเมื่อแก่ตัวลง ดังนั้นหากจำเป็นต้องกินหรือฉีดยาเหล่านี้ก็อย่าลืมหมั่นกินอาหารที่มีแคลเซียมสูงเช่น ผักใบเขียวเข้ม ปลาเล็กปลาน้อย ฯลฯหรือทานแคลเซียมเสริมไว้ด้วย... ที่มา : Canadian Medical Association Journal, October 2001 </quote>
ผมว่าออกจะเร็วไปหน่อย ที่อ่านบทวิจัยยาวๆมาแต่สรุปรวบรัดอย่างที่เขียนในสองบรรทัดแรกจึงอาจไม่ถูกต้องนัก:roll:
แต่ข้อความในสามบรรทัดหลังถูกต้องครับไม่มีข้อโต้แย้ง :good:
ดังนั้นการได้รับรู้ข้อมูลบางอย่างมา โดยเฉพาะที่เรายังไม่ทราบแหล่งที่มาหรืออ้างอิงของข้อมูลชัดเจน ควรตรึกตรอง และคิดตามก่อนจะเชื่อถือหรือนำไปใช้นะครับ