หลังจากตีหนักๆ ผสมกับการที่เจ็บไหล่มานาน ช่วงหลังนี้มีอาการชาที่ปลายนิ้วก้อย
อยากทราบจริงๆว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร อันตรายไหมครับ รบกวนด้วยครับ
อาการชา เป็นปัญหาให้เกิดความวิตกกังวล และไม่สบายใจกับผู้ที่ประสบ เกรงว่า อาการชาจะกลายเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ บางคนเครียดจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
ชามือ โดยส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของระบบประสาทส่วนปลายถูกกดทับ ที่สามารถรักษาหายได้ และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ มือและแขนของคนเรา มีระบบเส้นประสาทไปเลี้ยง ให้ความรู้สึก 3 เส้น คือ - เส้นประสาทมีเดียม ให้ความรู้สึกด้านฝ่ามือของนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และครึ่งหนึ่งของนิ้วนางที่อยู่ติดกับนิ้วกลาง - เส้นประสาทอัลนาร์ ให้ความรู้สึกมือด้านนิ้วก้อยและครึ่งหนึ่งของนิ้วนางที่ติดนิ้วก้อย - เส้นประสาทเรเดียน ให้ความรู้สึกหลังมือของนิ้วหัวแม่มือ ครึ่งหนึ่งของนิ้วนาง
เมื่อมีอาการชามือ ลองสังเกตให้แน่ชัดว่าชาตรงไหน จะได้ช่วยแพทย์ให้การวินิจฉัยโรคได้ง่ายขึ้น ถ้าชาด้านฝ่ามือของนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง บางส่วนนิ้วนาง อาจจะเป็นนิ้วใดนิ้วหนึ่งหรือหลายๆ นิ้ว เรียกว่า "พังผืดรัดเส้นประสาทที่ข้อมือ" ซึ่งถ้าจะตรงต่อความจริงน่าจะเรียกว่า "กลุ่มอาการเส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ"
การตรวจเบื้องต้น - เคาะบริเวณข้อมือ จะรู้สึกคล้ายไฟช็อตกระจายไปนิ้วมือ - ทำคล้ายไหว้พระ แต่นำหลังมือแตะกัน ปลายนิ้วชี้ลงพื้น ประมาณ 60 วินาที จะมีอาการชามือ
สาเหตุของอาการชา 1. มีความผิดปกติของตัวเส้นประสาท เช่น เป็นเบาหวาน พิษสุราเรื้อรัง 2. มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในอุโมงค์ข้อมือ เช่น ก้อนไขมัน ถุงน้ำ ก้อนเนื้องอก 3. การอักเสบของเยื่อบุข้อ เยื่อหุ้มเอ็นจากโรค เช่น เกาต์ รูมาตอยด์ 4. การบวมของเอ็นที่อยู่ภายในอุโมงค์จากการตั้งครรภ์ ภาวะต่อมไทรอยด์บกพร่อง 5. เกิดการหนาตัวของเยื่อพังผืดข้อมือ
การรักษา แบ่งเป็น 2 กรณี การรักษาแบบประคับประคอง ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่มากนัก โดย 1. โดยการใส่อุปกรณ์พยุงข้อมืออยู่ในท่าทางที่เหมาะสม กระดกข้อมือขึ้นทางหลังมือเล็กน้อย 2. ปรับลักษณะการใช้งานของข้อมือเล็กน้อย 3. ปรับลักษณะการใช้งานของข้อมือให้เหมาะสม 4. รับประทานยาลดการอักเสบ ลดการบวมของเอ็นหรือเยื่อบุเอ็น 5. รับประทานยาวิตามินบี 6 6. ฉีดยาสเตียรอยด์เข้าช่องอุโมงค์ จะบรรเทาอาการได้ประมาณ 4-6 เดือน การรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งเป็นการรักษาที่หายขาด ด้วยการผ่าตัดขยายอุโมงค์ โดยตัดเยื่อพังผืด แก้ต้นเหตุ กรณีมีก้อนเนื้องอก
เว็บนี้ข้อมูลดีคะ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=15-07-2008&group=5&gblog=28
-------------------------
โรคนี้พบได้บ่อยพอควรในวัยกลางคนและวัยชรา ?? จริงบ้างไม่จริงบ้างที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการวินิจฉัยโรคของหมอที่มีความถูกต้องแม่นยำแตกต่างกันไป แต่ถ้าเป็นหมอที่เชี่ยวชาญจริงๆก็วินิจฉัยไม่ผิดพลาดส่วนปัญหาที่ว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าหมอคนไหนเชี่ยวชาญหรือไม่เชี่ยวชาญขอตอบว่าสังเกตพฤติกรรมการตรวจวินิจฉัยของหมอ หมอที่ซักถามอาการโดยละเอียดถี่ถ้วนและตรวจร่างกายทางระบบประสาทอย่างคล่องแคล่วและชำนาญแทนที่จะผลีผลามส่งผู้ป่วยไปเอ็กซเรย์ ย่อมแสดงว่าเป็นหมอที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคนี้ ทั้งนี้เพราะการเอ็กซเรย์พบกระดูกต้นคอเสื่อม ไม่ได้พิสูจน์ว่าจะต้องกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลังเสมอไปหรือพูดง่ายๆ ว่าไม่ได้เป็นสาเหตุของการป่วย หรือมักจะมีอาการปวดหรือตึงบริเวณต้นคอ, บ่า, สะบัก หรือไหล่เป็นอาการสำคัญ
การวินิจฉัยโรคกระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท อาศัยการซักถามอาการป่วย เป็นสำคัญ เพราะอาการปวดหรือตึงที่กล่าวมามีสาเหตุได้หลายอย่าง ซึ่งที่พบบ่อยคือเรื่องของกล้ามเนื้อเกร็งหรือล้าผิดปกติ อันเนื่องมาจากโครงสร้างหรือท่าทางที่ผิดปกติ แต่อาการสำคัญว่ามีกระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท คืออาการปวดร้าวลงแขนร่วมกับมีอาการเหน็บชาเป็นแถบ บริเวณใดบริเวณหนึ่งของแขน ซึ่งที่พบบ่อยที่สุดคือ บริเวณด้านนอกของต้นแขนหรือด้านนอกของปลายแขนลงไปยังหัวนิ้วแม่มือและนิ้วชี้ ไม่ใช่ชามือหรือชาทุกนิ้วโดยแขนไม่ชาอาการปวดแขนเพียงอย่างเดียว หรือปวดแขนหรือ ชามือหรือชาปลายนิ้วมือทุกนิ้ว บ่งว่าไม่ใช่กระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท แต่มักจะเป็นเอ็นทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ดังนั้นและหมอจะต้องแยกแยะให้ดี โดยเฉพาะผู้ป่ายเองถ้าไม่สังเกตอาการใช้ชัดเจนแล้วบอกหมอผิดหรือบอกไม่ถูกก็จะทำให้หมอวินิจฉัยผิด
คำว่า "กระดูกต้นคอเสื่อม" ในที่นี้หมายถึง กระดูกสันหลังส่วนคอซึ่งมี 7 ข้อ แต่ละข้อจะมีรากประสาทโผล่ออกมาเป็นคู่ๆ โดยมีรากประสาทที่จะไปยังแขนอยู่ 5 คู่ เปรียบได้กับสายไฟฟ้าซึ่งจะมีอาณาเขตของมันแยกจากกัน คู่บนสุดจะเลี้ยงบริเวณด้านนอกของต้นแขน คู่ถัดมาเลี้ยงด้านนอกของปลายแขนจนถึงหัวแม่มือและนิ้วชี้ คู่ที่สามเลี้ยงนิ้วกลางตามแขน คู่ที่สี่เลี้ยงนิ้วก้อยและนิ้วนางขึ้นมาเหนือข้อมือเล็กน้อยและคู่ล่างสุดจะเลี้ยงด้านในแขนจากข้อมือขึ้นมาจนบริเวณศอก จะเห็นได้ว่าเกี่ยวเนื่องกันเป็นแถบๆ ดังนั้น ผู้ป่วยที่คิดว่าตนเองเป็นโรคกระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท ต้องสังเกตอาการชาหรือเป็นเหน็บให้ดีว่าเป็นที่ใด ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดจะเป็นเฉพาะคู่บนๆ จึงมักมีอาการชาเฉพาะด้านนอกของแขนเท่านั้นผิดจากนี้ไม่ใช่โรคนี้ ระวังโดนเขาหลอกไปเผา